คุมเข้มเรือนจำกระบี่หลังนักโทษเผาวอดเร่งขนย้ายนักโทษที่เหลือ 400 คนก่อนเข้าเคลียร์พื้นที่ อธิบดีกรมราชทัณฑ์เผยเตรียมสร้างเรือนจำกระบี่แห่งใหม่หลังใช้งานมากกว่า 80 ปี
วันที่ 18 ธ.ค.2564 ความคืบหน้าเหตุผู้ต้องขังก่อจลาจลภายในเรือนจำจังหวัดกระบี่เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดที่หน้าเรือนจำ ถนนอุตรกิจ ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองกระบี่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังคงปิดการจราจร ตั้งแต่สามแยกหน้าโรงเรียนอิศรานุสรณ์ ไปจนถึงวงเวียนหน้าโรงเรียนอุตรกิจ ห้ามไม่ให้รถทุกชนิดที่ไม่เกี่ยวข้องวิ่งผ่านหน้าเรือนจำจังหวัดกระบี่ เพื่อให้กำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่กองร้อยควบคุมฝูงชน ทหาร ตำรวจ และอาสารักษาดินแดนจังหวัดกระบี่ได้ปฏิบัติภารกิจในการขนย้ายนักโทษไปยังเรือนจำต่างๆ โดยมีนายนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายภักดี แก้วเนียม ผู้บัญชาการเรือนจำภาค 8 พล.ต.ต ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ ผบก.ภ.จว.กระบี่ นาวาเอก สุรวุฒิ สุขมงคล ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 2 กองพลนาวิกโยธิน นำกำลัง 300 นาย คอยคุ้มกันรอบเรือนจำจังหวัดกระบี่อย่างเข้มแข็งเพื่อป้องกันนักโทษหลบหนี
ต่อมา พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้เดินทางมาร่วมตรวจสอบความเสียหายของเรือนจำจากการถูกนักโทษก่อจลาจลเผาเรือนนอน ห้องสมุด และความเสียหายอื่นๆ โดยก่อนที่จะเข้าไปภายในเรือนจำ ทาง ผช.ผล.ตร.ได้ร่วมแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ร่วมกับนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า หลังจากที่เรือนจำกระบี่ ได้ถูกนักโทษเผาทำลายไปบางส่วน เบื้องต้นทางกรมราชทัณฑ์ ได้ทำการย้ายนักโทษออกจากเรือนจำจังหวัดกระบี่ ไปไว้ยังเรือนจำจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งขณะนี้ยังเหลือนักโทษอยู่ข้างในอีกประมาณ 400 คน ซึ่งจะทยอยเคลื่อนย้ายให้หมดโดยเร็ว เพื่อจะได้เข้าไปเคลียร์พื้นที่ภายในเรือนจำได้
ในส่วนของแกนนำ จำนวน 31 คน ขณะนี้ยังไม่ได้ทำการสอบสวน เนื่องจากอยู่ระหว่างการขนย้ายไปยังเรือนจำเขาบิน จังหวัดราชบุรี ซึ่งหลังจากนี้ก็จะได้ทำการตั้งคณะกรรมการสอบสวนต่อไป พร้อมกันนี้ทางกรมราชทัณฑ์จะตั้งกรรมการขึ้นมาอีกหนึ่งชุดจากส่วนกลางเพื่อลงมาสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าประเด็นมาจากเรื่องของการหวาดกลัวการระบาดของไวรัสโควิด19 หรืออ้างเพื่อต้องการที่จะหลบหนีออกจากเรือนจำ สำหรับการสอบสวนที่จะเอาผิดกับบุคคลหนึ่งบุคคลใด อยู่ที่พนักงานสอบสวนในการรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดแก่ผู้ก่อเหตุเป็นไปตามขบวนการยุติธรรม
สำหรับเรือนจำกระบี่สร้างมาร่วม 80 ปีซึ่งทางกรมราชทัณฑ์มีแผนที่จะย้ายที่ไปก่อสร้างใหม่ที่เรือนจำกระบี่น้อย แต่อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นจะตั้งงบประมาณในการซ่อมแซมส่วนที่เสียหายก่อนและที่ผ่านมาทางกรมราชทัณฑ์ได้มีการดูแลผู้ต้องขังที่ติดไวรัสโควิช- 19 ตามหลักของกระทรวงสาธารณสุข สำหรับการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ต้องขังขณะนี้ทางกรมราชทัณฑ์ได้มีการฉีดวัคซีนกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ให้แก่นักโทษ โดยทำการฉีดครบ 2 เข็มไปแล้วกว่า 5 แสนคน สำหรับกรณีที่นักโทษอ้างว่า ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการแยกระหว่างผู้ป่วยกับผู้ที่ไม่ป่วยให้อยู่ปะปนกัน ซึ่งเรื่องนี้ก็จะมีการสอบสวนข้อเท็จจริงด้วยว่าเจ้าหน้าที่ได้มีการปฏิบัติตามกระทรวงกำหนดหรือไม่
"หลังจากที่ย้ายผู้ต้องขังออกไปแล้วก็จะมีการทำทะเบียนประวัติเพื่อจะได้แจ้งให้ญาติรับทราบได้ว่าผู้ต้องขังที่เป็นญาติของตัวเองไปอยู่ที่เรือนจำไหนเพื่อจะได้เข้าเยี่ยมได้และหลังจากนี้ก็จะทำการเคลียร์เรือนจํากระบี่ให้เรียบร้อยเบื้องต้นก็จะทำการซ่อมแซมเรือนจำกระบี่ขึ้นมาใหม่หลังจากนั้นก็จะมีการวางแผนย้ายเรือนจำไปอยู่ที่แห่งใหม่"อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว
ด้าน พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า ในส่วนของ ผบ.ตร.ได้ให้ความสำคัญ 3 เรื่อง เรื่องแรกคือการสืบสวนเรื่องที่สอง การสอบสวนโดยเฉพาะเรื่องการสอบสวน ทางผบ. ตร. ได้สั่งการให้มีการบูรณาการกำลังจากทีมสอบสวนภาค 8 เข้ามาคลี่คลายคดีที่เกิดขึ้นโดยเร็วว่ามูลเหตุที่แท้จริงเป็นอย่างไร และประเด็นที่ 3 ในเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในเรือนจำ ทาง ผบ.ตร.ได้จัดทีมแพทย์มาตรวจร่างกายให้กับข้าราชการตำรวจ ที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ภายในเรือนจำทุกนายสำหรับในทางสืบสวนตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการประชุมกำหนดประเด็นข้อกล่าวหาซึ่งขออนุญาติไม่พูด ซึ่งมีการสรุปประเด็นไว้เรียบร้อยแล้วเป็นไปตามตัวบทกฎหมาย ซึ่งก็ต้องให้ทางพนักงานสอบสวนดำเนินการไปก่อน
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี