ศธ.มอบ 6 โครงการเป็นของขวัญปีใหม่ คืนความสุขให้ครอบครัว ดูแลเด็กตกหล่นพื้นที่ห่างไกล พัฒนากำลังคนอาชีวะ เสริมสร้างอาชีพ ให้บริการ Fix it Center
21 ธันวาคม 2564 นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) พร้อมด้วย นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน , นายสุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา , นายธนู ขวัญเดช รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และนายปรเมศวร์ ศิริรัตน์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา ร่วมแถลงข่าว ศธ. มอบของขวัญปีใหม่ 2565 ว่า ในนามของรัฐบาลได้นำความห่วงใยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ให้ความเป็นห่วงและมอบให้กระทรวงศึกษาธิการ ส่งความสุขผ่านโครงการดีๆให้กับเยาวชนลูกหลานของเราและให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ 6 โครงการ ดังนี้
1. “Chance - พาน้องกลับห้องเรียน” โดยให้มีการค้นหาและติดตามเด็กกลุ่มด้อยโอกาส หรือพิการ ที่ตกหล่นและออกกลางคันได้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา โดยผ่านกลไกของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ซึ่งที่ผ่านมามีการปักหมุดและค้นหาตัวกลุ่มเด็กเหล่านี้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาให้ได้มากที่สุด ซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลที่จะเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เด็ก เยาวชน และประชาชน อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพสูงสุด ภายใต้แนวคิดการศึกษาไทยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ให้ทุกคนได้เข้าถึงโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม โดยการบูรณาการระหว่างหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่
“สพฐ.ห่วงใย ปักหมุด นำนักเรียนไทย กลับสู่ห้องเรียน” โดยค้นหาและติดตามเด็กตกหล่นและออกกลางคันกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา ให้ได้รับการศึกษาอย่างมีคุณภาพและศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น รวมทั้งสร้างระบบเครือข่ายการส่งต่อข้อมูลสารสนเทศทางการศึกษาของเด็กตกหล่นและออกกลางคันที่กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา และนำไปใช้ในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสถานศึกษาสังกัด สพฐ. ทุกแห่ง และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 245 เขต ดำเนินการปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
โดย กศน.ปักหมุด เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาสำหรับคนพิการและผู้ด้อยโอกาส ปักหมุดบ้านคนพิการและผู้ด้อยโอกาส อายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 12,649 คน ได้เข้าสู่ระบบการศึกษา โดย ครู กศน.ตำบล ลงพื้นที่สำรวจความต้องการของผู้พิการและผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา และนำข้อมูลเข้าสู่ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ caper พร้อมปักหมุดทุกบ้าน เพื่อจัดการศึกษาและการเรียนรู้ให้กับผู้พิการและผู้ด้อยโอกาสในสถานศึกษาสังกัด กศน. อย่างเหมาะสมตามศักยภาพและความต้องการจำเป็น และสามารถศึกษาต่อในระดับสูงขึ้น รวมทั้งสามารถประกอบอาชีพ มีงานทำ พึ่งพาตนเองได้ โดยเริ่มดำเนินการนำร่องไปเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2564 ณ จังหวัดระนอง และในช่วงระหว่างวันที่ 2 ธ.ค. 2564 - 7 ม.ค. 2565 ดำเนินการต่อยอดขยายผลสู่ 18 จังหวัดตามเขตตรวจราชการ 17 เขต ประกอบด้วย จังหวัดชัยนาท ปทุมธานี กาญจนบุรี เพชรบุรี พัทลุง ปัตตานี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว อุดรธานี นครพนม ขอนแก่น นครราชสีมา ศรีสะเกษ ลำปาง พะเยา สุโขทัย และกำแพงเพชร
2. ศ.ค.ส.ศึกษาธิการ ส่งความสุขให้น้องปีที่ 3 โดยสำนักงาน กศน.จังหวัดทุกแห่ง/กทม. และ กศน.อำเภอ/เขต ส่งมอบความสุขให้กับน้อง ๆ เด็กด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ ในพื้นที่ห่างไกล ทุรกันดาร และชายแดน จำนวน 46,400 คน โดยมอบสิ่งของ อาทิ ของเล่น อุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา เครื่องนุ่งห่ม ชุดกีฬา ขนม อาหารแห้ง ระหว่างวันที่ 17 ธ.ค. 2564 ถึง 8 ม.ค. 2565
3. อาชีวะ สร้างโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชนเพื่อผลิตกำลังคนของประเทศ “อาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ” มอบทุนเรียนฟรีต่อเนื่อง 3 ปี มีหอพัก อาหาร 3 มื้อ ให้นักเรียนจบ ม.3 ได้เรียนต่อ 100% ในสถานศึกษา ม.ปลาย (สพฐ.) และ ปวช. (สอศ.) จำนวน 5,000 คน
4. ฝึกอบรมอาชีพระยะสั้น Re – Skill, Up Skill และ New – Skill แก่นักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครองและประชาชน ภายใต้ศูนย์พัฒนาอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการ กระทรวงศึกษาธิการ ประจำจังหวัด (Ministry of Education Career and Entrepreneurship Center)
- สอศ. ฝึกอบรมวิชาชีพระยะสั้น Re-Skill, Up-Skill และ New-Skill แก่นักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครอง และประชาชน 38,500 คน ไม่น้อยกว่า 77 หลักสูตร ดำเนินการใน 77 ศูนย์ทั่วประเทศ บูรณาการการดำเนินงานร่วมกันระหว่าง สอศ. กศน. สพฐ. และ สช. ในพื้นที่ ดำเนินการระหว่าง 27 ธันวาคม 2564 ถึง 31 มกราคม 2565
- กศน. ฝึกอบรมอาชีพ ฟรี 1 สัปดาห์ 1 อำเภอ 1 อาชีพ โดยศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน 928 กลุ่ม ดำเนินการระหว่างวันที่ 4 - 10 มกราคม 2565 โดยฝึกอบรมอาชีพระยะสั้นและการเป็นผู้ประกอบการให้กับประชาชน 150,000 คน และสถานศึกษา 1 อาชีพ สร้างรายได้ ต่อยอดสู่วิสาหกิจชุมชน เป้าหมาย 928 กลุ่ม 10,208 คน
5. อาชีวะอาสา ร่วมด้วยช่วยประชาชน เทศกาลปีใหม่ ปี พ.ศ. 2565 ออกบริการประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ตลอด 24 ชั่วโมง ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2564 – 4 มกราคม 2565 โดยให้บริการจุดพักรถ-พักคน บนถนนสายหลักและสายรอง 225 ศูนย์ ทั่วประเทศ กิจกรรม พักรถ ได้แก่ บริการตรวจสภาพรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และกิจกรรมพักคน ได้แก่ บริการสอบถามข้อมูลเส้นทาง/สถานที่ท่องเที่ยว /ที่พัก /ร้านอาหาร และอื่น ๆ รวมทั้ง ให้บริการที่นั่งพักผ่อน /บริการน้ำดื่ม กาแฟ ผ้าเย็น เป็นต้น
6. ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน เพื่อลดรายจ่ายให้แก่ประชาชน ผ่านแอปพลิเคชัน “ช่างพันธุ์ R อาชีวะซ่อมทั่วไทย” ทีมช่างพันธุ์ R อาชีวะจิตอาสา จาก 100 ศูนย์ Fix it Center ทั่วไทย ออกให้บริการซ่อมถึงบ้านฟรี โดยประชาชนสามารถใช้บริการผ่านแอปพลิเคชัน ทำให้มีความสะดวก รวดเร็ว ลดเวลา ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ไม่ต้องนำเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้มาที่ศูนย์บริการ อีกทั้งยังสอดคล้องกับสภาพสังคม และวิถีชีวิตยุคใหม่ New Normal สร้างความมั่นใจการใช้บริการช่างอาชีวะ และยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ผู้เรียนที่ใช้ทักษะจากการลงมือปฏิบัติช่วยเหลือประชาชน และสามารถสร้างอาชีพได้ในอนาคต ดำเนินการตลอดเดือนมกราคม 2565 และให้บริการต่อเนื่องทั้งปี
“ศธ.ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบ ส.ค.ส. หรือ ส่งความสุข ให้กับคนไทย ในการสนับสนุน ส่งเสริมให้สังคมไทย เป็นสังคมที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ซึ่งความสุขถือเป็นรากฐานสำคัญต่อการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ ตลอดจนสร้างโอกาสให้คนไทยทุกคนได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง และเท่าเทียม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สร้างให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต ภายใต้แนวคิดและเป้าหมายทางการศึกษาที่ไม่ต้องการทิ้งใครไว้ข้างหลัง” รมว.ศธ. กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี