...เข้าสู่ปีที่ 6 ของการนั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. “อัศวิน ขวัญเมืองแม้จะมีการพูดกันว่าช่วงปีที่ผ่านมายังไม่มีผลงานอะไรใหม่ๆ ให้คนกรุงเท่าไรนัก เนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 รวมถึงงบประมาณที่มีจำกัด ทำให้หลายๆโครงการงานหลายๆ ด้านติดขัดชะงักงันไป จนมาเมื่อไม่นานมานี้ พล.ต.อ.อัศวินได้เปิดตัวโครงการพัฒนาเมืองขนานใหญ่ ในชื่อ “ฟื้นเมือง เชื่อมย่าน สานอนาคต” (Regenerative Bangkok) ชูแผนฟื้นเมืองเชื่อมย่านสำคัญ ผ่าน 5 โครงการนำร่อง เพื่อฟื้นฟูโครงข่ายคลอง ถนน ทางเท้า และพื้นที่สีเขียว โดยได้หยิบยกโครงการปรับภูมิทัศน์ พัฒนาเมือง 5 จุดขึ้นมาเป็นโครงการนำร่องเร่งผลักดันให้เกิดขึ้นสำเร็จเห็นภาพชัดเจน...
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวในวันเปิดตัวโครงการว่า โครงการนี้เกิดขึ้นภายใต้แนวคิดการพัฒนาเมืองอย่างเป็นมิตรกับธรรมชาติ เน้นสร้างความเจริญเติบโตของเมือง ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม เพราะเชื่อว่าสิ่งแวดล้อมที่ดีคือปัจจัยสำคัญทำให้มนุษย์มีสุขภาพดีทั้งกายและใจ สำหรับ “ฟื้นเมือง เชื่อมย่าน สานอนาคต” เป็นโครงการพัฒนาเมืองอย่างสมดุลกับการดูแลธรรมชาติ พร้อมๆ กับการส่งเสริมระบบนิเวศให้มีความอุดมสมบูรณ์ รวมไปถึงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน การพัฒนาระบบโครงข่ายคมนาคม รถ ราง เรือ เชื่อมโยงย่านสำคัญต่างๆ ทั่วถึง และการวิเคราะห์พื้นที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ เพื่อวางแผนการพัฒนาในอนาคต โดยกรุงเทพมหานคร ร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อม ใช้หลักการฟื้นฟูโครงข่ายคลอง ถนน ทางเท้า และพื้นที่สีเขียว ให้เป็นตัวเชื่อมโยงย่านต่างๆ อย่างบูรณาการ ฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างเมืองกับสิ่งแวดล้อม เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน
นำร่อง 5 โครงการ
เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนเมืองหลวงนำร่องด้วยโครงการ “ผืนน้ำ” 1.สวนสาธารณะคลองช่องนนทรีเชื่อมคลองสาทร 2.โครงการฟื้นฟูคลองผดุงกรุงเกษม “ผืนดิน”3.โครงการปรับปรุงถนนสีลม 4.โครงการปรับปรุงถนนพระรามที่ 1 และ “ผืนป่า” 5.โครงการสวนลุมพินี 100 ปีและสะพานเขียว เชื่อมสวนเบญจกิติ ทุกโครงการเริ่มเดินหน้าไปตามแผนแล้ว
ที่เปิดเป็นปฐมฤกษ์ก่อนคือ “สวนสาธารณะคลองช่องนนทรี” ช่วงที่ 2 จากถนนสาทร ถึงซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 7 ระยะทาง 200 เมตร ทั้งโครงการจะแบ่งเป็น 5 ช่วง ระยะทางรวม 2 ฝั่ง 9 กิโลเมตร งบประมาณรวม 980 ล้านบาท เมื่อเสร็จจะเป็นสวนสาธารณะเลียบคลองแห่งแรกของประเทศไทย มีระบบจัดการน้ำในคลองแยกน้ำฝนออกจากน้ำเสีย ให้คลองน้ำใส เป็นแก้มลิงพร้อมกับพื้นที่สีเขียวและสถานที่พักผ่อน เส้นทางออกกำลังกาย วิ่ง เดิน และปั่นจักรยาน มีพื้นที่กิจกรรมรองรับวิถีชีวิตยุคใหม่ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของคนเมือง
ส่วนโครงการที่เหลือก็เดินหน้าไปตามแผน คือ โครงการฟื้นฟูคลองผดุงกรุงเกษม งบประมาณ 90 ล้านเศษ แบ่งเป็น 6 โซน ระยะทางรวม 4,480 ม. เริ่มทำโซน 2 หัวลำโพง (ช่วงจากสะพานเจริญสวัสดิ์ถึงสะพานกษัตริย์ศึก)1,250 ม. จะเสร็จเดือนมีนาคม 2565 โครงการปรับปรุงถนนสีลม งบประมาณ 59 ล้านเศษ อยู่ระหว่างหาผู้รับจ้าง โครงการปรับปรุงถนนพระรามที่ 1 งบประมาณ 98 ล้านเศษระยะทางรวม 2 ฝั่ง 2 กม. เร่งทำช่วงแรกให้เสร็จก่อน 330 ม.และจะเสร็จทั้งหมดปลายมีนาคม 2565 ซึ่งจะเป็นต้นแบบทางเท้าสำหรับทุกคน (Universal Design)
โครงการสะพานเขียว งบประมาณ 260 ล้านบาท จะเริ่มดำเนินการต้นปี 2565 โดยจะพัฒนาเป็น Bangkok Green Bridge เป็นทางเดิน-ทางจักรยานเชื่อมระหว่างสวนเบญจกิติกับสวนลุมพินี ซึ่งอยู่ในแผนการปรับปรุงสวนลุมพินี 100 ปี เชื่อมพื้นที่สีเขียวกับสวนเบญจกิติ เชื่อมต่อ 2 สวนใหญ่กลางเมืองรวมพื้นที่ 810 ไร่ เมื่อแล้วเสร็จจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ที่สามารถเดินท่องเที่ยว ออกกำลังกาย ทำกิจกรรมต่างๆ ได้หลากหลายมากขึ้น ส่วนโครงการสวนลุมพินี 100 ปี งบประมาณ รวมกว่า4,000 ล้านบาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ ขณะนี้แบบใกล้เสร็จสมบูรณ์ จะเปิดโครงการต้นปี 2565 เริ่มทำระยะที่ 1(ปรับปรุงถนนแกนกลาง) โดยสำนักสิ่งแวดล้อมได้รับจัดสรรงบประมาณต่อเนื่อง 2 ปี รวม 159 ล้านบาท คาดจะลงนามสัญญาประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ระยะเวลาดำเนินการ 240 วัน ก็จะแล้วเสร็จปลายปี 2565 จากนั้นจะดำเนินการระยะต่อไป เป็นโครงการใหญ่ใช้เวลาดำเนินการต่อเนื่อง 4 ปี (2565-2568) กรุงเทพมหานครจะของบอุดหนุนรัฐบาล
" เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนเมืองหลวงนำร่องด้วยโครงการ“ผืนน้ำ” 1.สวนสาธารณะคลองช่องนนทรีเชื่อมคลองสาทร2.โครงการฟื้นฟูคลองผดุงกรุงเกษม “ผืนดิน” 3.โครงการปรับปรุงถนนสีลม 4.โครงการปรับปรุงถนนพระรามที่ 1 และ “ผืนป่า” 5.โครงการสวนลุมพินี 100 ปี และสะพานเขียว เชื่อมสวนเบญจกิติ ทุกโครงการเริ่มเดินหน้าไปตามแผนแล้ว"
โครงการฟื้นเมือง
โครงการนี้ก็เริ่มแล้วแต่ เฟส 1 ยังไม่แล้วเสร็จ แต่ได้เตรียมการเดินหน้าแผนพัฒนาเฟส 2 ต่อยอดไว้แล้วเช่นกัน5 จุดสำคัญ อาทิ ย่านศูนย์กลางเศรษฐกิจ, ย่านเมืองเก่า,ย่านธนบุรี, ย่านเศรษฐกิจใหม่ และย่านนวัตกรรมและศูนย์การแพทย์ โดยมี นายศักดิ์ชัย บุญมา รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รับผิดชอบดูแลและติดตาม ในชื่อแผนพัฒนา “กรุงเทพบูรณาการ ฟื้นเมือง เชื่อมย่านสานอนาคต เฟส 2-5 ย่าน 10 โครงการ”
ประกอบด้วย “ย่านศูนย์กลางธุรกิจ” ได้แก่ 1.ถนนสาทรและคลองสาทร (ช่องนนทรี-ลุมพินี) ระยะทาง 1.5 กม.2.ถนนสีลม (แยกนราธิวาส-ถนนเจริญกรุง) ระยะทาง 1.2 กม. “ย่านเมืองเก่า” ได้แก่ 1.ถนนเยาวราช (คลองโอ่งอ่าง-วงเวียนโอเดียน-คลองผดุงกรุงเกษม) ระยะทาง 1.5 กม. 2.ส่วนด้านล่างสะพานพระปกเกล้า “ย่านธนบุรี” ได้แก่ ถนนบรมราชชนนี (สะพานพระปิ่นเกล้า-เซ็นทรัลปิ่นเกล้า-ซอยรุ่งประชา) ระยะทาง 2.5 กม. “ย่านเศรษฐกิจใหม่”ได้แก่ 1.ถนนสุขุมวิท (แยกราชประสงค์-แยกอโศก) ระยะทาง 4 กม. 2.ถนนราชดำริ (แยกราชประสงค์-ถนนพระราม 4) ระยะทาง 1.7 กม. และ 3.แยกอโศก-แยกพระโขนง “ย่านนวัตกรรมและศูนย์การแพทย์” ได้แก่ 1.อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (รอบอนุสาวรีย์ และ 4 เกาะ) 2.ซอยโยธี (ถนนพญาไท-ถนนพระราม 6) ระยะทาง 1 กม. โดยทั้งหมดเป็นการพัฒนาทางเท้า ซึ่ง รองผู้ว่าฯศักดิ์ชัย ได้นำหน่วยงานเกี่ยวข้องลงพื้นที่เดินเท้าสำรวจด้วยตนเอง เพื่อออกแบบทางเท้าให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับการใช้งานในแต่ละพื้นที่
ปลุกเสกทางเท้ายึดต้นแบบพระราม 1 ลงแอสฟัลต์
นายศักดิ์ชัย บุญมา รองผู้ว่าฯกทม.อธิบายว่า แผนฟื้นเมืองเป็นนโยบายต่อเนื่องและสำคัญ เพราะเป็นการเชื่อมย่าน สานอนาคต เฟส 2 ตรงนี้ เป็นโครงการพัฒนาทางเท้ายึดต้นแบบถนนพระรามที่ 1 โดยจะเป็นทางเท้ารูปแบบใหม่ ใช้ “แอสฟัลต์ปั๊มลาย” แทนการปูกระเบื้องแบบเดิมที่มักจะเกิดปัญหารอยต่อกระเบื้องหลุดพังชำรุด ต้องรื้อปูกระเบื้องทำใหม่บ่อยๆ สิ้นเปลืองงบประมาณ กทม.ถูกตำหนิทางเท้าไม่สวย แต่วิธีใหม่นี้ จะทนกว่าและประหยัดค่าใช้จ่าย มีอายุการใช้งานนานอย่างต่ำ 5 ปี ไม่ต้องมีการขุดรื้อทำใหม่ โดยทางเท้าใหม่ในแต่ละย่านจะปั๊มลวดลายต่างกัน ตามเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ ซึ่งให้เขตลงไปสำรวจความคิดเห็นประชาชนว่าต้องการแบบไหน
ทั้งนี้ ได้สั่งการทุกหน่วยงานเกี่ยวข้องลงไปสำรวจองค์ประกอบของทางเท้า ทั้งฝาท่อระบายน้ำ ระบบระบายน้ำสาธารณูปโภคต่างๆ สายไฟฟ้า สายสื่อสาร เพื่อปรับย้าย หรือยุบจุด ปิดฝาท่อที่ไม่ใช้งาน โดยให้สำนักงานเขตพื้นที่ประสานสร้างความเข้าใจกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกส่วนของแต่ละถนน ตลอดจนชุมชนและประชาคมในพื้นที่มีส่วนร่วมแสดงความเห็นในการพัฒนาทางเท้า ซึ่งจะนำมาประกอบการออกแบบ พัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพ เป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม เหมาะกับพื้นที่ ซึ่งแบบจะเสร็จกลางเดือนมกราคม 2565 และนำเรื่องเสนอเข้าสภากรุงเทพมหานครพิจารณางบสะสมจ่ายขาดปี 2565 เมื่อได้งบประมาณแล้ว ก็เข้ากระบวนการจัดจ้าง ทุกโครงการจะดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนปลายปี 2565 เพื่อต้อนรับการประชุมเอเปก
“การพัฒนาทางเท้าถนนต่างๆในพื้นที่กรุงเทพฯ อยู่ในแผนดำเนินการของหน่วยงานทุกปี ที่ต้องทำอยู่แล้วที่ผ่านมาของบไม่ได้ จึงยังไม่ได้ทำ หลายจุดได้มีการสำรวจออกแบบไว้แล้ว ที่มาทำในช่วงนี้ก็เพราะนโยบายผู้ว่าฯอัศวิน ที่ต้องการให้พัฒนาทางเท้าให้เป็นรูปแบบเดียวกัน รวมทั้งแก้ปัญหาทางเท้าชำรุด กทม.ถูกตำหนิว่าทางเท้าไม่เป็นระเบียบ ไม่สวยงาม ประกอบกับจะมีการจัดการประชุมเอเปกขึ้นที่กรุงเทพมหานครปลายปี 2565 จึงได้เลือกทำในถนนเส้นทางหลักที่มีการใช้มากๆ ให้เป็นหน้าเป็นตากับเมืองกรุงเทพฯ
อย่างไรก็ดี โครงการดังกล่าวทั้งหมดที่เป็นทั้งเร่งด่วนและไม่เร่งด่วน ก็อาจถูกตำหนิวิพากษ์วิจารณ์กระหึ่มซึ่งแน่นอนหนีไม่พ้นว่าเป็นโครงการหาเสียงของพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เพราะมีการเร่งโครงการเดินหน้าให้เสร็จก่อนเมษายน 2565 ซึ่งเป็นช่วงใกล้ถึงการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ โดยขณะนี้มีการเปิดตัวผู้สมัครออกมาเดินหน้าลงพื้นที่กันแล้ว แต่สำหรับ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมืองก็ยังคงไม่มีใครทุบโต๊ะฟันธงชัดๆ ว่าจะลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.ครั้งนี้หรือไม่ ข่าวลึกๆ สั้นชวนให้ติดตาม คือ เสียงกระซิบว่า จะตัดสินใจเมื่อมีประกาศวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ตอนนี้ขอทำงานก่อน
แต่ถ้าหาก พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ไม่ลงชิงผู้ว่าฯ กทม. ก็ถือได้ว่า โครงการ “ฟื้นเมือง เชื่อมย่านสานอนาคต” จะเป็นผลงานทิ้งท้าย ที่จะเป็นเครื่องการันตีว่า6 ปี ของผู้ว่าฯกทม.ผู้มากับดวง จงใจทิ้งมรดกการสร้างผลงานวิสัยทัศน์ก้าวไกลไว้ให้คนเมืองหลวงได้นึกคิดเปรียบเทียบว่า แนวคิดแนวการกระทำของผู้ว่าฯกทม.คนใหม่จะเชื่อมต่อสานต่อเดินต่อหรือไม่
พรสวรรค์ จรเจริญ...รายงาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี