เป็นข่าวสะเทือนความรู้สึกสังคมส่งท้ายปี 2564 ที่ผ่านมาโดยในช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2564 มีรายงานว่า ที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน ครูโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งได้พานักเรียนหญิงอายุ 17 ปี ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลด้วยอาการท้องเสียและมีเลือดออกทางช่องคลอด หลังจากกินยาที่ได้ซื้อทางอินเตอร์เนต ซึ่งเวลานั้นเด็กสาวยังปกปิดข้อมูล ไม่ยอมบอกว่าตัวเองท้องจนคลอดเด็กในห้องน้ำ บอกแต่เพียงว่าตนเองท้องเสียจากการกินยาที่สั่งซื้อมาทางอินเตอร์เนต
แต่เมื่อแพทย์ได้ทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียดพบว่ามีการตั้งครรภ์ และอาการเลือดออกเกิดจากการคลอด ทำให้เด็กสาววัย 17 ปี รายนี้ ยอมรับว่าตนเองตั้งครรภ์และคลอดที่ห้องน้ำโรงเรียน ก่อนจะโยนทารกทิ้งไว้ในถุงขยะสีดำข้างห้องน้ำ ซึ่งเมื่อประสานทางโรงเรียนและตำรวจไปตรวจสอบก็พบศพทารกเพศหญิงสมบูรณ์ อยู่ในถุงขยะสีดำที่ข้างห้องน้ำจริง สภาพร่างกายมีมดอยู่เต็มร่างกาย มีคราบเลือดติดอยู่ และมีเศษรกอยู่ข้างศพ ไม่มีสัญญาณชีพแล้ว
คดีนี้ได้ทำให้ปัญหา “แม่วัยใส-ท้องไม่พร้อม”กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้ง โดยในช่วงปลายเดือน ธ.ค. 2564 มีการจัดแถลงข่าว “(ถอด) บทเรียนจากน่าน : สิทธิเยาวชนตาม พ.ร.บ.ท้องวัยรุ่น” จัดโดย สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่ง นพ.วิวัฒน์ โรจนพิทยากร ประธานคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาอิสระด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ได้กล่าวถึง พ.ร.บ.การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559 ซึ่งเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อาทิ
“มาตรา 5” วัยรุ่นมีสิทธิตัดสินใจด้วยตนเองและมีสิทธิได้รับข้อมูลข่าวสารและความรู้ ได้รับการบริการอนามัยการเจริญพันธุ์ จึงต้องส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหาตั้งครรภ์ในวัยรุ่น นอกจากนี้ “มาตรา 6” ยังระบุว่า สถานศึกษา มีหน้าที่จัดการสอนเพศวิถีศึกษา จัดหาหรือพัฒนาผู้สอน ช่วยเหลือวัยรุ่นที่ตั้งครรภ์ให้ศึกษาต่อเนื่อง และมีหน้าที่ส่งต่อให้ได้รับสวัสดิการสังคม ดังนั้น สถานศึกษาควรปรับหลักสูตรการเรียนการสอนเพศวิถีศึกษาและทักษะชีวิตให้เหมาะสมกับช่วงวัย เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ
รวมถึงพัฒนาผู้สอนให้มีทัศนคติที่ดี พร้อมให้คำปรึกษาเรื่องป้องกันและแก้ปัญหาท้องไม่พร้อมในวัยรุ่น โดยครูจะต้องมีหน้าที่สื่อสารกับเด็ก พ่อแม่ ผู้ปกครอง และสังคมว่า แม้จะท้องไม่พร้อมก็มีทางเลือก โดยไม่ต้องออกจากระบบการศึกษา และได้รับการช่วยเหลือด้วยรูปแบบที่เหมาะสมและต่อเนื่อง เช่น ครูจัดการสอบที่บ้าน และหากไม่สามารถเลี้ยงดูบุตร สถานศึกษาต้องส่งต่อกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เพื่อรับบริการสวัสดิการสังคม ตาม “มาตรา 9” ซึ่งอาจจะเป็นการฝากเลี้ยงจนกระทั่งพร้อมหรือจะให้หาครอบครัวอุปถัมภ์
“กรณีนักเรียนอายุ 17 ปี ซื้อยาเองจากออนไลน์ คลอดลูกและนำลูกไปทิ้งในโรงเรียน ที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน สะท้อนปัญหาท้องไม่พร้อมที่ไม่รู้วิธีการแก้ไข เนื่องจากขาดความรู้ประกอบกับสังคมมีทัศนคติเชิงลบเกี่ยวกับท้องวัยรุ่น จึงวิตกกังวล ปกปิดการตั้งครรภ์และยุติการตั้งครรภ์ด้วยตัวเอง ส่งผลกระทบทั้งกายและใจ ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพในระยะยาวและอาจเป็นต้นเหตุในการเสียอนาคต ซึ่งหากเด็ก เยาวชน ผู้ปกครอง และครูมีความรู้เรื่องสิทธิเกี่ยวกับอนามัยการเจริญพันธุ์ จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการยุติการตั้งครรภ์ที่ไม่ปลอดภัยได้” นพ.วิวัฒน์ กล่าว
ขณะที่ นพ.บุญฤทธิ์ สุขรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กล่าวเสริมว่า กระทรวงสาธารณสุข ตามมาตรา 7 ของ พ.ร.บ.นี้ มีภารกิจที่จะทำให้วัยรุ่นเข้าถึงสิทธิอนามัยเจริญพันธุ์ ได้ร่วมกับ สสส. และภาคีเครือข่าย พัฒนาระบบบริการให้คำปรึกษาเรื่องอนามัยการเจริญพันธุ์ที่ปลอดภัยในรูปแบบที่เข้าถึงได้ง่าย 3 ช่องทาง คือ1. สายด่วน 1663 ปรึกษาเอดส์และท้องไม่พร้อม ให้คำปรึกษาเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ทางเลือกในการคุมกำเนิด ทางเลือกในกรณีที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อม 2.เว็บไซต์ www.rsathai.org ให้คำปรึกษาคุมกำเนิดแบบกึ่งถาวร และทางเลือกในการตั้งครรภ์ ทั้งตั้งครรภ์ต่อ หรือยุติการตั้งครรภ์สำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม
และ 3.แอปพลิเคชั่นทีนคลับ TEEN CLUB ให้คำปรึกษาเรื่องอนามัยการเจริญพันธุ์ นอกจากนี้ “ยังมีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ 28 พ.ศ. 2564 ใน มาตรา 301 และ 305 ให้หญิงที่มีอายุครรภ์ไม่ถึง 12 สัปดาห์ สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้ โดยไม่ถือว่าทำผิดกฎหมาย (ส่วนกรณีอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ ให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด)” โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือน ก.พ. 2564เป็นต้นมา ถือเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยแก้ไขปัญหาท้องไม่พร้อม
“สิ่งสำคัญคือ การสร้างความเข้าใจ การยอมรับ การเคารพการตัดสินใจของหญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อม เปิดโอกาสให้หญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อมสามารถเข้าถึงบริการให้คำปรึกษาทางเลือก เลือกทางเลือกที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับบริบทชีวิตของตนเอง สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างมั่นคงเพื่อประโยชน์ทั้งต่อตัวหญิงตั้งครรภ์เอง ครอบครัว และสังคมโดยรวมต่อไป” นพ.บุญฤทธิ์ กล่าว
ด้าน เอกสิทธิ์ จ้อยสองศรี รองประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย ระบุว่า วัยรุ่นที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อมส่วนมากยังขาดความรู้เรื่องเพศวิถีที่ถูกต้อง และไม่รู้ถึงสิทธิของเยาวชนตามกฎหมายข้างต้น ทำให้ต้องออกจากระบบการศึกษาเพราะได้รับแรงกดดันทั้งจากบุคลากรและนักเรียนในสถานศึกษา ซึ่งสิ่งสำคัญคือ การให้คำปรึกษา แนะนำทางเลือก ทั้งเรื่องการตั้งครรภ์ที่ถูกต้องและยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย รวมถึงดูแลและฟื้นฟูสภาพจิตใจ
“สภาเด็กฯ เร่งสร้างเครือข่ายเด็กและเยาวชนในพื้นที่เป็นแกนนำเฝ้าระวังปัญหาท้องไม่พร้อมในวัยรุ่น โดยจัดอบรมหลักสูตรผู้พิทักษ์สิทธิทางเพศของวัยรุ่น ให้แก่แกนนำจากสภาเด็กและเยาวชนทุกจังหวัด และขยายลงสู่ระดับอำเภอ ตำบล และภาคีเครือข่าย เช่น สถานศึกษา ตัวแทนนักเรียน ประธานนักเรียน หรือเป็นกลุ่มเด็กและเยาวชน เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิที่วัยรุ่นควรได้รับทั้งการตัดสินใจ การช่วยเหลือ การคุ้มครอง และสวัสดิการ เพื่อสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อนการลดปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมอย่างตรงจุด” เอกสิทธิ์ ระบุ
ปิดท้ายที่ ชาติวุฒิ วังวล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สสส. กล่าวว่า สสส. ร่วมกับภาคีเครือข่าย อาทิ มูลนิธิแพธทูเฮลท์ และกระทรวงศึกษาธิการ พัฒนาแนวปฏิบัติในการช่วยเหลือนักเรียนที่ตั้งครรภ์ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและได้เรียนต่อจนจบการศึกษา พร้อมพัฒนาหลักสูตรอบรมสำหรับผู้บริหารในสถานศึกษา เรื่อง พ.ร.บ.การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559 และเรื่องสิทธิเด็ก
“คาดหวังว่าจะเป็นแนวทางการทำงานกับกลไกโรงเรียน ผู้บริหาร และครู ในการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่ตั้งครรภ์ให้มีทางเลือกที่หลากหลายและปลอดภัยที่จะนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต นอกจากนี้ยังสนับสนุน 20 จังหวัดเพื่อขับเคลื่อนในเรื่องนี้ เช่น โครงการของจังหวัดนครสวรรค์ ที่มีแนวคิดวัยรุ่นต้องไม่ท้อง หากท้องต้องได้เรียน” ผอ.สำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สสส. กล่าว
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี