ผู้ใหญ่บ้านซองกาเลีย ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี สุดทนลูกบ้านหลังเตือนแล้วเตือนอีกให้หยุดพฤติกรรมขนแรงงานเถื่อนเข้าไทย แต่ลูกบ้านยังเมินคำเตือน สุดท้ายผู้ใหญ่บ้านทนไม่ไหว ตัดสินใจคุมตัวส่งเจ้าหน้าที่ทั้งรถและแรงงานเถื่อน 17 คน ขณะขับรถผ่านหน้าบ้านกลางดึก
เมื่อเวลา 04.30 น.วันนี้ (6 ม.ค.65) นายปกรณ์ กรรณวัลลี นายอำเภอสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ได้รับรายงานจากนายสนั่น กำสุข ผู้ใหญ่บ้านซองกาเลีย หมู่ 8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี ว่า ได้ควบคุมตัวลูกบ้านเอาไว้ ขณะขับรถยนต์กระบะขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาจำนวนมากผ่านหน้าบ้านของตน
หลังจากที่นายปกรณ์ กรรณวัลลี นายอำเภอสังขละบุรี ได้รับรายงานจึงรีบสั่งการให้นายกิตตินันท์ แสงจันทร์ ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกัน ประสานตำรวจ สภ.สังขละบุรี เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ ตชด.134 และเจ้าหน้าที่ ตม.สังขละบุรี ร่วมเดินทางไปตรวจสอบ
ไปถึงพบแรงงานชาวเมียนมาถูกควบคุมตัวเอาไว้จำนวน 17 คน เป็นชาย 11 คน หญิง 6 คน ทั้งหมดนั่งอยู่บนรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์ สีน้ำเงิน-เทา หมายเลขทะเบียน 4 กล 7129 กทม. ส่วนลูกบ้านที่นายสนั่น กำสุข ผู้ใหญ่บ้านควบคุมตัวเอาไว้คือนายทนง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นลูกบ้านหมู่ 8 บ้านซองกาเลีย ต.หนองลู อ.สังขละบุรี
โดยนายทนง ผู้ต้องหา ให้การในเบื้องต้นว่า ได้ขับรถยนต์กระบะไปรับแรงงานจำนวนดังกล่าวมาจากสวนยางพาราที่อยู่หลังหมู่บ้าน โดยมีคนมอญที่อาศัยอยู่บ้านบ่อญี่ปุ่น ประเทศเมียนมาที่มีชายแดนติดกันนำแรงงานมาส่งให้ส่วนรถยนต์เป็นของเพื่อนที่อาศัยอยู่บ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู เป็นคนเอามาให้ เพื่อใช้ในการไปรับแรงงาน
ขณะที่กำลับนำแรงงานทั้งหมดไปส่งลงเรือที่ท่าน้ำบริเวณซอย 7 ที่อยู่เขตเทศบาลตำบลวังกะ เมื่อมาถึงหน้าบ้านผู้ใหญ่บ้านก็มาถูกนายสนั่น กำสุข ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ควบคุมตัวเอาไว้ ที่ผ่านมาตนเคยทำในลักษณะนี้มาแล้ว 2 ครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 โดยได้รับค่าจ้างในการขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาคนละ 1,500 บาท
ด้านนายสนั่น กำสุข ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 เปิดเผยว่า ในหมู่บ้านซองกาเลีย มีลูกบ้านหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนขนแรงงานต่างด้าว มีทั้งรับจ้างนำพาเดินลัดเลาะไปตามชายป่าเพื่อหลบเลี่ยงด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ ลูกบ้านบางรายใช้รถจักรยานยนต์และรถยนต์ลงมือขนแรงงานต่างด้าวด้วยตนเอง เนื่องจากได้รับค่าจ้างเป็นเงินจำนวนมาก จึงเป็นสิ่งล่อใจให้กระทำผิด
ที่ผ่านมาตนไม่ได้นิ่งเฉยกับการกระทำของลูกบ้าน ตนเคยว่ากล่าตักเตือนในที่ประชุมมาโดยตลอด และนอกจากนี้เจ้าหน้าที่ทหาร รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาประชุมเพื่อชี้แจงข้อกฎหมายเพื่อให้ลูกบ้านเหล่านี้รู้ถึงบทลงโทษ ลูกบ้านบางรายยอมกลับใจเลิกทำ แต่ขณะเดียวกันมีลูกบ้านหลายคนยังนิ่งเฉย ไม่สนใจกับการว่ากล่าวตักเตือน ทำให้ตนทนไม่ไหว ซึ่ง 1 ในนั้นคือนายทนง ลูกบ้านที่ตนควบคุมตัวเอาไว้พร้อมแรงงานชาวเมียนมาจำนวน 17 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาจำนวน 17 คนที่ถูกจับกุมตัวได้ในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นแรงงานชาวมอญมาจากเมืองเมาะลำไย เมืองมูโด่ง เมืองเย ออกเดินทางมาจากประเทศเมียนมาด้วยการเดินลัดเลาะไปตามชายป่าข้ามชายแดนเข้ามาประเทศไทยตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา ทั้งหมดจะเดินทางไปทำในพื้นที่ ต.มหาชัย จ.สมุทรสาคร รวมทั้ง จ.นครปฐม และ กทม.โดยจะจ่ายค่าหัวให้กับนายหน้าผู้นำพาคนละ 23,000-25,000 บาท เมื่อไปถึงสถานที่ทำงาน
จากการตรวจสอบเอกสารการเดินทางพบว่าแรงงานทั้งหมดมีพาสปอร์ตครบทุกคน และทุกคนเคยทำงานในประเทศไทยมาก่อน แต่เนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้สถานประกอบการต้องปิดตัวลงทำให้แรงงานเหล่านี้จำเป็นจะต้องเดินทางกลับประเทศและได้กลับมาอีกครั้งโดยการลักลอบเข้าเมือง
สำหรับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านซองกาเลีย มีอยู่หลายเชื้อชาติ เช่น กะเหรี่ยง มอญ พม่า มุสลิม รวมทั้งลาว และคนไทย และหมู่บ้านดังกล่าวมีชายแดนติดกับบ้านบ่อญี่ปุ่น แระเทศเมียนมา ซึ่งเป็นหมู่บ้านยุทธศาสตร์สำคัญที่ขบวนการขนแรงงานต่างด้าวใช้ในการลักลอบหลบหนีเข้าสู่ประเทศไทยได้โดยง่าย - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี