ศบค.เคาะปรับพื้นที่สีส้ม 69 จว. คงสีฟ้า 8 จว.-18 อำเภอในบางจว. นั่งดื่มในร้านได้ถึง 3 ทุ่ม จี้สถานประกอบการปรับรูปแบบเป็นร้านอาหารก่อน 15 ม.ค. ฮึ่ม!ทำผิดสั่งปิด-พักใบอนุญาต ขอให้เวิร์กฟรอมโฮมถึง 31 ม.ค. มาตรการมีผล 9 ม.ค. ระงับลงทะเบียนเทสแอนด์โก พวกค้างท่อเข้าได้ถึง 15 ม.ค.
เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 7 มกราคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค.เป็นประธาน ช่วงหนึ่ง (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ผวายอดแตะ3หมื่น!นายกฯห่วงปชช.‘หย่อนยาน’ติดเชื้อต้นก.พ.อาจพุ่งพรวด) ว่า ที่ประชุม ศบค.ขยายเวลาเวิร์กฟรอมโฮมทั่วประเทศจนถึงวันที่ 31 ม.ค.
สำหรับสถานบันเทิง ซึ่งการสอบสวนโรคที่ผ่านมาช่วงก่อนปีใหม่ พบว่า หลายสถานบันเทิงปรับเป็นร้านอาหารจำหน่ายสุรา และปฏิบัติไม่ถูกต้อง ทำให้แพร่กระจายเชื้อหลายแห่งทั่วประเทศ ซึ่งเดิมจะทบทวนการเปิดวันที่ 16 ม.ค.ก็เลื่อนออกไปก่อน ยังไม่สามารถเปิดได้ แต่ในส่วนของสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ให้ปรับไปเปิดในรูปแบบของร้านอาหาร โดยต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดก่อนวันที่ 15 ม.ค.
พร้อมกันนี้ ศบค.มีมติปรับระดับพื้นที่เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร โดยยกระดับของทั้งประเทศเป็นพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จากเดิม 39 จังหวัด เป็น 69 จังหวัด ส่วนกิจการและกิจกรรมในพื้นที่สีส้มนั้น ทำได้แทบทุกอย่าง เพียงแต่ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 500 คน ร้านอาหารสามารถเปิดดำเนินการได้ตามปกติ แต่ห้ามบริโภคสุราและแอลกอฮอล์ในร้าน
สำหรับพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) ยังคงไว้ 8 จังหวัด ได้แก่ กทม. กาญจนบุรี กระบี่ ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานี พังงา และภูเก็ต รวมถึงบางอำเภอใน 18 จังหวัดพื้นที่สีส้ม โดยมาตรการมาตรการพื้นที่สีฟ้าจะทำกิจกรรม กิจการต่างๆ ได้เหมือนพื้นทีสีเขียว สามารถดื่มสุราในร้านอาหารได้ไม่เกิน 21.00 น. ส่วน 5 จังหวัดที่มีขอเพิ่มเป็นพื้นที่ฟ้านั้น ขอให้เลื่อนการดำเนินการไปก่อน เพื่อรอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
“นายกฯย้ำว่าการมีส่วนร่วมรับผิดชอบเป็นเรื่องที่สำคัญ ร้านอาหารต้องการโอกาสในการเปิด ซึ่ง ศบค.ผ่อนปรนให้เปิดได้ แต่ที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือประมาณหนึ่ง ใครทำผิดขอให้ทำให้ถูกต้อง โดยให้ ศปม.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ ศบค.มท. ศบค.สธ. เข้าไปตรวจสอบอย่างจริงจัง หากทำไม่ถูกให้ดำเนินคดี หรือสั่งพัก สั่งปิด พักใบอนุญาตอย่างจริงจัง ต้องปราบปรามไม่ให้มีการกระทำความผิด ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 9 ม.ค.” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค.ได้มีการปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคในการเดินทางเข้าราชอาณาจักร โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ที่มาในระบบเทสแอนด์โก ซึ่งพบผู้ติดเชื้อพอสมควร ในที่ประชุมมีการอภิปรายประเด็นนี้กันพอสมควร จึงมีข้อสรุปเกี่ยวกับการเดินทางเข้าประเทศว่าให้ยกเลิกการกำหนดกลุ่มประเทศเสี่ยง ซึ่งก่อนหน้านี้มี 8 ประเทศจากแอฟริกาออกไป เพราะเชื้อโอมิครอนได้กระจายไปหลายประเทศทั่วโลกแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกำหนดกลุ่มเสี่ยง นอกจากนี้ ยังเห็นชอบเพิ่มพื้นที่แซนด์บ็อกซ์อีก 3 จังหวัด จากเดิมมีเพียง จ.ภูเก็ต โดยเพิ่ม จ.สุราษฎร์ธานี เฉพาะเกาะสมุย เกาะพงัน และเกาะเต่า รวมถึง จ.พังงาและจ.กระบี่ทั้งจังหวัด ตรงมีการกำชับให้ควบคุมการเดินทางเข้าพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ หากสายการบินนานาชาติสามารถบินตรงไปในพื้นที่ได้เลยก็ให้ใช้ช่องทางนั้น แต่หากต้องมาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิก็ขอให้ควบคุมการเดินทาง ไม่ให้ปะปนกับประชาชนทั่วไปด้วยการระบบซีลรูท เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในส่วนระบบเทสแอนด์โกที่ยังเป็นช่องว่างในการนำเชื้อเข้ามา เพราะเชื้อโอมิครอนหลบการตรวจจับนั้น เราได้ขอระงับการลงทะเบียนเทสแอนด์โกออกไปก่อน โดยในที่ประชุมมีการมองกันหลายด้าน ทั้งมิติของเศรษฐกิจ และสุขภาพประชาชน จึงให้มีการระงับการเดินทางเทสแอนด์โกสำหรับผู้ที่ได้รับอนุมัติและจะเดินทางเข้ามาภายหลังวันที่ 15 ม.ค. ทั้งนี้ นายกฯระบุว่าหากสถานการณ์ดีขึ้นจะมีการปรับเปลี่ยนมาตรการได้อีก ตอนนี้ขอดูสถานการณ์ก่อน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี