ตรึงราคาไข่ไก่ฟองละ2.90บาท
พาณิชย์จับมือผู้เลี้ยงไก่
ลดความเดือดร้อนปชช.
บิ๊กตู่จี้จ่ายเงินช่วยฟาร์มหมู
“บิ๊กตู่”เร่งกรมปศุสัตว์ จ่ายเยียวยาผู้เลี้ยงสุกรตามกรอบวงเงิน ครม.อนุมัติ 574 ล้านบาทเร็วที่สุด พร้อมกำชับปศุสัตว์ทุกพื้นที่ทั่วประเทศให้ข้อมูลข่าวสารดูแลให้คำปรึกษาผู้เลี้ยงสุกรใกล้ชิดในช่วงเฝ้าระวัง ASFในขณะที่ฟาร์มภูธรไปได้ต่อพร้อมเลี้ยงหมูรอบใหม่ กรมการค้าภายในกล่อมผู้เลี้ยงไก่ไข่ทั่วประเทศสำเร็จ ยอมลดราคาไข่คละหน้าฟาร์มจากที่ขอขึ้น3บาทต่อฟอง เหลือ2.90บาทต่อฟอง
เมื่อวันที่ 13มกราคม น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เร่งรัดให้กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการจ่ายเงินชดเชยแก่ผู้เลี้ยงสุกรที่สุกรถูกทำลายเพื่อป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติเมื่อวันที่ 11 ม.ค.2565 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้เลี้ยงสุกรให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ เนื่องจากภายหลัง ครม.ได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 574.11 ล้านบาท เพื่อจ่ายชดเชยแก่ผู้เลี้ยงสุกรที่ถูกทำลายตามมาตรการป้องกันโรคใน 56 จังหวัด ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 23 มี.ค.2564 - 15 ต.ค.2564 ได้เริ่มมีผู้เลี้ยงสุกรในหลายจังหวัดสอบถามถึงการได้รับเงินชดเชย ท่านนายกรัฐมนตรีจึงได้เร่งรัดให้กรมปศุสัตว์เร่งดำเนินการตามขั้นตอนจ่ายเงินชดเชยโดยเร็ว และในช่วงที่ต้องเฝ้าระวังโรค ASF นี้ขอให้ปศุสัตว์ทุกพื้นที่ทั่วประเทศให้ข้อมูลข่าวสารและให้คำปรึกษาต่างๆ แก่ผู้เลี้ยงสุกรอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงมาตรการต่างๆ ของทางการ
ส่วนกรณีที่ห้องปฏิบัติการของกรมปศุสัตว์ได้มีผลวิเคราะห์พบเชื้อ ASF นั้น นายกรัฐมนตรีขอให้เร่งดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อจำกัดวงของการระบาด ส่วนพื้นที่อื่นที่ไม่อยู่ในพื้นที่ควบคุมโรคก็ขอให้ดำเนินมาตรการที่เข้มงวดพร้อมกับดูแลผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเกษตรกรด้วย น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรที่จะได้รับการชดเชยนั้น ต้องเป็นผู้เลี้ยงในพื้นที่ 56 จังหวัดตามประกาศ และเป็นกรณีที่สุกรถูกทำลายโดยการพิจารณาของคณะกรรมการประเมินตามกฎกระทรวงกำหนดค่าชดใช้ราคาสัตว์ที่ถูกทำลายอันเนื่องจากโรคระบาดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคระบาดหรือสัตว์หรือซากสัตว์ที่เป็นพาหนะของโรคระบาด พ.ศ.2560 ซึ่งในพื้นที่และช่วงเวลาดังกล่าวนั้นมีสุกรที่ถูกทำลายแล้ว แต่เกษตรกรผู้เลี้ยงยังไม่ได้รับเงินค่าชดเชย 4,941 คน สุกร 159,453 ตัว วงเงินรวม 574.11 ล้านบาท
นายสินธุ ปัญญาศักดิ์ สมาชิกสหกรณ์ผู้เลี้ยงสุกรเชียงใหม่-ลำพูน อ.เมือง จ.ลำพูน กล่าวว่า ขณะนี้เกษตรกรรายย่อยหลายพื้นที่ เช่นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน มีความพร้อมมากในการเลี้ยงหมูรอบใหม่ จึงขอให้รัฐเป็นผู้นำเดินหน้าส่งต่อมาตรการช่วยเหลือที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว เพื่อสนับสนุนเกษตรกรให้กลับเข้ามาในระบบโดยเร็วที่สุด และส่งเสริมให้รอบด้าน ทั้งการเตรียมเล้าและโรงเรือนที่มีระบบป้องกันโรค ที่ช่วยสร้างความมั่นใจและลดความเสี่ยงให้เกษตรกรหลังนำลูกหมูเข้าเลี้ยงใหม่
“มาตรการช่วยเหลือที่กรมปศุสัตว์ดำเนินการขณะนี้นับว่ามาถูกทาง จะช่วยขับเคลื่อนการเลี้ยงสุกรของรายย่อยไปข้างหน้า สร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรให้ลงหมูรอบใหม่ได้ ช่วยแก้ปัญหาหมูแพงของประเทศได้เร็วขึ้น เราไม่ควรติดกับ อยู่กับปัญหาเดิม หรือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว แต่ควรมองการสร้างอนาคตที่ดีกว่า” นายสินธุ กล่าว
ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีอนุมัติทั้งงบประมาณ และสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดูแลช่วยเหลือแบบองค์รวม ทั้งมาตรการเร่งด่วน งดส่งออกเนื้อสุกร 3 เดือน มาตรการระยะสั้น ขยายกำลังการผลิตแม่หมู และส่งเสริมการผลิตข้าวโพดในประเทศทดแทนการนำเข้า ส่วนระยะยาว เร่งยกระดับมาตรฐานฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม (Good Farming Management : GFM) ระบบการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความปลอดภัยทางชีวภาพ (biosecurity) ลดความเสี่ยงในการนำเชื้อโรคเข้ามาสู่ฟาร์ม และยังเป็นการป้องกันการกระจายของเชื้อโรคภายในออกจากฟาร์ม รวมถึงการแพร่กระจายของโรคในประชากรสัตว์ ขณะเดียวกัน ในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้กับเกษตรกรรายย่อย รัฐควรเร่งจ่ายเงินชดเชย จัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ พัฒนาวัคซีนป้องกันโรค ลดต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์และปัจจัยการผลิตที่จำเป็น พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้ในการป้องกันโรค
นายสินธุ กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวช่วยสร้างความมั่นใจและหลักประกันให้กับเกษตรกรรายย่อย กล้าที่จะลงเลี้ยงหมูอีกครั้ง ซึ่งผู้เลี้ยงอยากเห็นมาตรการส่งเสริมที่สร้างขีดความสามารถการแข่งขันในระยะยาว ทั้งปัจจัยการผลิต ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ รวมถึงปล่อยราคาให้เเป็นไปตามกลไกการตลาด เพื่อสร้างเสถียรภาพในอุตสาหกรรมหมูอย่างยั่งยืน เชื่อว่าเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ มีความพร้อมที่จะร่วมช่วยแก้ปัญหาราคาหมู อยากให้สังคมมองมุมบวก ว่าเราสามารถป้องกันโรคได้นานกว่าเพื่อนบ้านในภูมิภาค ทำให้คนไทยมีเนื้อหมูคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสม ทั้งที่มีโรคระบาดทั้งภูมิภาค ที่ผ่านมา เกษตรกรรายย่อยนอกจากต้องทำลายหมูจากโรคระบาดแล้ว ยังแบกภาระราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ ทั้งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และกากถั่วเหลือง ที่เพิ่มขึ้นไปถึง 30-40% ซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตของภาคปศุสัตว์ 60 - 70% อยากขอให้ภาครัฐปรับลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ช่วยเหลือเกษตรกรลดต้นทุนการผลิตด้วย
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่านายกฯใส่ใจตั้งแต่ต้น ที่ผ่านมาได้กำชับหน่วยงานเฝ้าระวังและควบคุมการลักลอบนำสัตว์ข้ามพรมแดน การเคลื่อนย้ายสัตว์ข้ามพื้นที่ รวมทั้งการเยียวยาให้แก่เจ้าของฟาร์มรายย่อย จากมาตรการทำลายสัตว์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรค ทำให้ไทยสามารถป้องกันความรุนแรงโรคASF ตลอด 3ปีที่ผ่านมา ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศมีการระบาดของโรคไปแล้ว โดยคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสุขภาพของพี่น้องประชาชน และรักษาผู้ประกอบการอุตสาหกรรมหมู ซึ่งเป็นเนื้อสัตว์ส่งออกเป็นอันดับ2ของไทย ดังนั้นพรรคเพื่อไทยไม่จำเป็นต้องออกมาขู่ หากจะนำเรื่องเข้าหารือในสภาฯ ก็สามารถดำเนินการได้ รัฐบาลและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพร้อมชี้แจงในสภาฯ อยู่แล้ว ยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องปกปิดข้อมูลใดๆ แต่ต้องไม่ใช่ว่า ฝ่ายค้านสร้างความสับสนไว้ แต่พอได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากรัฐบาลกลับไม่อธิบายให้ประชาชนเข้าใจในข้อมูลผิดๆที่ตัวเองพูดไว้ ถือว่าไม่รับผิดชอบการกระทำของตัวเอง
นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ให้นโยบายกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ขอให้ตรึงราคาไข่ไก่ไปก่อน และให้กรมการค้าภายในไปหารือกับผู้เลี้ยง จากนั้นกรมการค้าภายในได้หารือผู้เลี้ยงเมื่อวันที่ 11ม.ค.2565 ได้ข้อสรุปในเบื้องต้น จากนั้นให้ผู้เลี้ยงไปจัดทำข้อมูลรายละเอียดต้นทุน และนำมาหารือกันอีกครั้งวันที่ 13ม.ค.2565 โดยหารือตั้งแต่ 10.00-13.00น.โดยมีนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธาน จนได้ข้อยุติวันนี้ โดย นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้หารือสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ ตกลงตรึงราคาไข่คละหน้าฟาร์มที่ 2.90บาทต่อฟอง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน และได้แถลงข่าวย้ำแล้วว่าขอให้ร้านค้า แผงไข่ ต้องลดราคาลงตามด้วย ส่วนด้านผู้เลี้ยงย้ำว่า หากวัตถุดิบขึ้นไม่หยุด จะขอหารือกรมการค้าภายในทันที แต่ระหว่างนี้จะร่วมมือกับกระทรวงในการตรึงราคาช่วยประชาชนไปก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี