คลายล็อกมาตรการสกัดโควิด
น่าห่วงทั้งปท.ฉีดเข็ม3แค่14.1%
ตีปี๊บระดมฉีดบูสเตอร์ด่วน
เน้นคนชรา-ผู้มีโรคประจำตัว
ติดเชื้อรายวัน6,929-ตาย13ศพ
ไทยติดโควิดรายวัน 6,929 คน มาจากต่างประเทศ 209 คนตาย 13 ศพ พบผู้สูงอายุเสียชีวิตจากโอมิครอนอีก 1สะสม 2 ราย สธ.แนะบ้านที่มีคนชราควรแยกพื้นที่เปิดคลัสเตอร์ร้านอาหารกึ่งผับ-ตลาด-พิธีศาสนา-โรงงาน-รพ.ยังระบาดหลายจังหวัด สธ.เผยทั้งประเทศฉีดเข็ม 3 แค่ 14.1% ศบค.ประกาศนโยบายระดมบูสเตอร์ด่วน
โดยเฉพาะคนชรา-ผู้มีโรคประจำตัว กรมวิทย์ฯเผยผลทดสอบภูมิคุ้มกัน 8 สูตรที่ไทยฉีดสร้างภูมิคุ้มกันได้ แต่เมื่อเจอโอมิครอนลดฮวบ ต้องกระตุ้นเข็ม 3 ด้วย“แอสตร้าฯ-ไฟเซอร์” ภูมิพุ่ง “อนุทิน”มั่นใจโอมิครอนคุมได้ เตรียมเสนอมาตรการผ่อนคลายเข้า ศบค. 20 มค. เน้นเปิดช่องคนทำมาหากิน ศก.เดินหน้าได้ ส่วนผับบาร์ยังเสี่ยงสูงต้องรอก่อน เล็งปรับรูปแบบเทสต์ แอนด์ โก ชี้ปชช.ร่วมมือมาก ยิ่งกล้าผ่อนคลาย
เมื่อวันที่ 17 มกราคม พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ 6,929 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 6,713 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 6,670 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 43 ราย มาจากเรือนจำ 7 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 209 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,331,414 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 5,255 ราย ทำให้มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,227,266 ราย อยู่ระหว่างรักษา 82,210 ราย
ตายเพิ่ม13-สรุปเซ่นโอมิครอน2ราย
ทั้งนี้ มีผู้ป่วยอาการหนัก 533 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 108 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 13 ราย เป็นชาย 7 ราย หญิง 6 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปทั้ง 13 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 21,938 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 328,775,317 ราย เสียชีวิตสะสม 5,557,739 ราย อย่างไรก็ตาม มีผู้เสียชีวิตในประเทศไทยยืนยันเป็นการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนแล้ว 2 ราย รายแรก เป็นหญิงไทย อายุ 86 ปี อยู่ที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นผู้ป่วยติดเตียง เป็นอัลไซเมอร์ และได้รับวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม แต่ฉีดเข็มที่สองมาแล้ว 4 เดือน ติดเชื้อจากคนใกล้ชิด เข้ารักษาที่โรงพยาบาลหาดใหญ่เมื่อวันที่ 7 มกราคม และเสียชีวิตวันที่ 12 มกราคม
รายที่ 2 เป็นหญิงไทย อายุ 84 ปี อยู่จ.อุดรธานี เป็นคมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ติดเชื้อจากบุคคลใกล้ชิดในครอบครัว ไม่มีประวัติได้รับวัคซีน ทันทีที่ทราบว่าบุคคลใกล้ชิดในครอบครัวติดโควิด จึงรีบตรวจแบบ RT-PCR และพบผลเป็นบวกวันที่ 9 มกราคม แพทย์แนะนำให้รักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่ผู้ป่วยปฏิเสธการรักษาที่โรงพยาบาล เนื่องจากอาการไม่รุนแรง แต่ต่อมาวันที่ 15 มกราคม มีอาการเหนื่อยหอบ ค่าออกซิเจนปลายนิ้วต่ำกว่า 76 โรงพยาบาลประสานผู้ป่วยเข้ารักษาตัวโรงพยาบาล แต่ญาติปฏิเสธการรักษาตัวที่โรงพยาบาล กระทั่งเสียชีวิตวันที่ 15 มกราคม
สธ.แนะบ้านมีคนชราจัดแยกพื้นที่
“กระทรวงสาธารณสุขจึงมีคำแนะนำไปยังประชาชนทั่วไปที่มีผู้สูงอายุอยู่ในบ้าน ขอให้สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง หากเป็นไปได้ขอให้จัดพื้นที่แยกจากคนอื่น หมั่นทำความสะอาดจุดสัมผัสร่วม หากใครจำเป็นต้องมีผู้ดูแล ขอให้เป็นผู้ดูแลประจำจะเสี่ยงน้อยกว่าการเปลี่ยนคนไปเรื่อยๆ”พญ.อภิสมัยกล่าว
เปิดคลัสเตอร์ที่ยังระบาดหลายจว.
และว่า สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 17 มกราคม ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (กทม.) 722 ราย สมุทรปราการ 656 ราย ชลบุรี 454 ราย ภูเก็ต 389 ราย นนทบุรี 386 ราย ขอนแก่น 290 ราย อุบลราชธานี 210 ราย ปทุมธานี 199 ราย เชียงใหม่ 193 ราย นครศรีธรรมราช 182 ราย ทั้งนี้ ยังพบคลัสเตอร์ร้านอาหาร กึ่งผับ กึ่งสถานบันเทิง ในหลายพื้นที่ ยังพบคลัสเตอร์ตลาดที่ จ.อุดรธานี คลัสเตอร์งานเลี้ยงสังสรรค์พบที่ จ.อำนาจเจริญ คลัสเตอร์พิธีกรรมศาสนา พบหลายอำเภอที่ จ.อุบลราชธานี คลัสเตอร์งานศพร้อยเอ็ด รวมถึงที่สมุทรปราการ มีประวัติไปร่วมงานศพที่จ.นราธิวาส ติดเชื้อจากการเดินทางไปพื้นที่เสี่ยง และคลัสเตอร์บุคลากรทางการแพทย์พบที่โรงพยาบาลภูมิพล และโรงพยาบาลธนบุรี
ทั้งปท.ฉีดเข็ม3น้อยมากแค่14.1%
พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า ช่วงนี้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เน้นย้ำให้ฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มสาม เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมาฉีดวัคซีนทั้งประเทศ 172,437 โดส ยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 แล้วทั้งสิ้น 109,542,145 โดส สำหรับจำนวนผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่สาม โดยรวมทั้งประเทศตัวเลขอยู่ที่ 14.1% เท่านั้น ถือว่ายังน้อยมากและเป็นผู้สูงอายุเกิน 60 ปี เพียง 13.8% เท่านั้น ถือว่าน้อย รวมทั้งผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค เข็มสาม อยู่ที่ 16.1%
มค.ระดมฉีดเข็มกระตุ้นด่วน
ดังนั้น นโยบายบริหารวัคซีนเข็มกระตุ้นของกระทรวงสาธารณสุขช่วงเดือนมกราคมนี้เป็นต้นไป ขอให้ทุกคนที่ได้รับวัคซีนครบสองเข็มแล้ว ให้มารับเข็มกระตุ้นเข็มสาม หรือผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวบางคนที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีนเลยแม้แต่เข็มหนึ่ง ขอให้ทุกคนรับการฉีดวัคซีนด่วน เพราะอย่างที่เห็นแล้วว่าหลายคนชะล่าใจว่าโอมิครอนไม่รุนแรง แต่เมื่อไปติดเชื้อในกลุ่มผู้ป่วยเปราะบางอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคระบุกรณีสูตรฉีดวัคซีนที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศมานั้น มีงานวิจัยรองรับปลอดภัย กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงถึง 90-100% ในการป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิต นอกจากเร่งระดมฉีดวัคซีนเดือนมกราคมนี้แล้ว อย่าลืมมาตรการส่วนบุคคล ขอให้คิดเสมอว่า คนรอบข้างมีความเสี่ยง
8สูตรวัคซีนสร้างภูมิสู้โควิดได้
วันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงการทดสอบภูมิคุ้มกันหลังฉีดวัคซีนว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ทดสอบประสิทธิภาพภูมิคุ้มกันป้องกันเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน โดยเก็บตัวอย่างเลือดหรือซีรั่มของผู้ที่ได้รับวัคซีนแต่ละสูตร โดยศึกษา 8 สูตรที่ใช้ฉีดในไทยคือ 1. ซิโนแวค + แอสตร้าเซนเนก้า 2. แอสตร้าฯ + แอสตร้าฯ 3. ไฟเซอร์ 2 เข็ม 4. ซิโนแวค + ไฟเซอร์ 5.แอสตร้าฯ + ไฟเซอร์ ไม่ได้ทดสอบสูตรซิโนแวค 2 เข็ม เพราะเราเปลี่ยนสูตรมาเป็นสูตรไขว้แล้ว 6.ฉีดเข็มกระตุ้น ซิโนแวค 2 เข็ม + แอสตร้าฯ 7. ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม + ไฟเซอร์ และ8. ฉีดแอสตร้าฯ 2 เข็ม +ไฟเซอร์ โดยเก็บตัวอย่างเลือดหลังรับวัคซีนแล้ว 2 สัปดาห์ ถือเป็นระดับที่มีภูมิคุ้มกันมากพอที่จะต่อสู้เชื้อโรคได้ จากนั้นนำมาทดสอบด้วยวิธีที่เรียกว่า PRNT หรือ Plaque Reduction Neutralization Test ใช้ตัวอย่างเลือดจริงของผู้ป่วย มาเจือจางให้ได้ระดับที่ปลอดภัย หรือที่เรียกว่า ค่า Plaque ที่ลดลง 50% ถือเป็นระดับสุดท้ายที่ป้องกันติดเชื้อได้
ครบ2เข็มไม่มีผลสกัดโอมิครอนต้องบูสต์
ทั้งนี้ ผลการศึกษาพบว่าภูมิคุ้มกันในเลือดเราที่เคยต่อสู้กับเดลต้าได้ค่อนข้างดี แต่เมื่อเจอกับโอมิครอนแล้วลดลงทุกสูตร สอดคล้องกับข้อสันนิษฐานว่าการกลายพันธุ์ของโอมิครอนน่าจะหลบวัคซีนได้ เมื่อผลออกมาพบว่าคนที่ฉีดวัคซีน 2 เข็มไม่ว่าเป็นสูตรใดก็ตาม พบค่าไตเติลขึ้นมาปริ่มๆ ไม่ได้สูงมากนัก ป้องกันโอมิครอนได้ไม่มาก โดยไฟเซอร์ 2 เข็ม ขึ้นมา 19.17 แอสตร้าฯ 2 เข็ม ขึ้นมา 23.81 ส่วนสูตรซิโนแวค + แอสตร้าฯขึ้นมา 12 ขณะที่สูตรซิโนแวค + ไฟเซอร์ขึ้นมา 21 และสูตร แอสตร้าฯ+ไฟเซอร์ ขึ้นมา 21 ส่วนกรณีผู้ฉีดวัคซีน 3 เข็ม ไม่ว่าจะเป็นซิโนแวค 2 เข็ม ตามด้วยแอสตร้าฯ สูตรซิโนแวค 2 เข็ม ตามด้วยไฟเซอร์ หรือสูตรแอสตร้าฯ 2 เข็ม ตามด้วยไฟเซอร์ ภูมิฯ ขึ้นมาค่อนข้างดี ตั้งแต่ 71-200 เศษๆ
ติดโอมิครอนสะสมเฉียดหมื่น
“การศึกษาชัดเจนว่า โอมิครอน มีผลต่อวัคซีนทุกสูตรทุกชนิด เพราะหลบวัคซีนได้มากกว่าเดลตา แต่ตัวเลขสะสมติดโอมิครอนเกือบหมื่นรายแล้ว แต่ผู้เสียชีวิต 2 ราย เรากำลังสุ่มเป็นสัดส่วนมากขึ้น โดยข้อมูลจากการสุ่มสำรวจสถานการณ์จริงของโอมิครอนในไทย เทียบกับเดลตา มีลักษณะอย่างไร 1-2 วันจะทราบผลชัดเจน” นพ.ศุภกิจ กล่าว และว่า ส่วนกรณีผู้เสียชีวิต 2 รายนั้น ได้วัคซีน 2 เข็มช่วยลดความรุนแรงได้ แต่การเกิดปัญหาใครป่วยหนักจนเสียชีวิตมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย ซึ่ง 2 รายนี้เป็นผู้ป่วยติดเตียง ระบบภูมิต้านทานของร่างกายไม่ค่อยปกติ การประชุมอีโอซี มอบให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ไปสำรวจว่า ใครที่ติดโอมิครอนส่งให้กรมการแพทย์ฯ เพื่อติดตามว่า มีกี่ราย อาการเป็นอย่างไร เพื่อให้ได้ข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรงของโอมิครอน
ไทยติดโอมิครอนสูงขึ้นตายลด
ด้านนพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์ระบาดโควิด-19 ประจำวันว่า สำหรับไทยมีการติดเชื้อระลอกเดือนมกราคม 2565 พบว่าติดเชื้อโอมิครอนสูงขึ้น แต่เสียชีวิตลดลงต่อเนื่อง สำหรับข้อมูลรับผู้เดินทางจากต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1-16 มกราคมเข้ามา 121,645 ราย พบติดเชื้อ 4,179 ราย อัตราติดเชื้อ ร้อยละ 3.44 เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่พบอัตราร้อยละ 0.13 และเดือนธันวาคม 2564 พบอัตราร้อยละ 0.45 ส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์ทั่วโลกที่ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น
โควิดระบาดกลางๆ-ฉีดวัคซีน109ล.โดส
สำหรับแนวโน้มจังหวัดนำร่องท่องเที่ยวหลังไม่ได้เปิดรับนักท่องเที่ยวเพิ่มเติม จำนวนติดเชื้อยังไม่ได้มีลักษณะเพิ่มขึ้น นับตั้งแต่วันที่ 7-8 มกราคมเป็นต้นมา ส่วนกรุงเทพมหานครสูงขึ้นเล็กน้อย จ.ชลบุรี เหมือนผ่านจุดที่ติดเชื้อสูงสุดและลดต่ำลงมา เช่นเดียวกับ จ.ภูเก็ต ส่วน จ.สมุทรปราการ อยู่ในลักษณะคงตัวต่อมาระยะหนึ่ง ทั้งนี้ คลัสเตอร์ยังอยู่ในกลุ่มร้านอาหาร สถานบันเทิง โรงงาน ตลาด งานสังสรรค์ พิธีกรรมศาสนา ค่ายทหาร และสถานพยาบาล
“เมื่อเทียบฉากทัศน์ สำหรับสถานการณ์จริงช่วงแรกไต่ระดับเส้นสีเทาของฉากทัศน์ที่คาดการณ์ แต่เมื่อมีมาตรการเข้มงวดขึ้น ทำให้เส้นสถานการณ์จริงลดลงมาอยู่ในระดับเส้นสีเทา ที่ระบาดแบบกลางๆ หรือหากดีกว่านั้น ดูจะเข้าใกล้เส้นสีเขียวที่ติดเชื้อน้อยที่สุดของการคาดการณ์ทั้ง 3 รูปแบบ ส่วนเสียชีวิตจริงอยู่ในระดับที่ต่ำสุดของการคาดการณ์” นพ.เฉวตสรรกล่าว และว่า การฉีดวัคซีนในประเทศไทยวันที่ 16 มกราคมอยู่ที่ 172,437 โดส ส่วนใหญ่เป็นเข็มที่ 3 คือ 129,341 โดส ทำให้ยอดสะสมฉีดวัคซีนที่ 109,542,15 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 51.8 ล้านโดส คิดเป็นร้อยละ 71.9 เข็มที่ 2 จำนวน 47.5 ล้าน โดส คิดเป็นร้อยละ 66.1 และเข็มที่ 3 จำนวน 10.1 ล้านโดส คิดเป็นร้อยละ 14.1
สธ.ชงมาตรการผ่อนคลายเข้าศบค.20มค.
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมศบค.ชุดใหญ่วันที่ 20 มกราคม โดยกระทรวงสาธารณสุขเตรียมมาตรการผ่อนคลายอะไรหรือไม่ว่า ได้เชิญอธิบดีกรมควบคุมโรคมาพบและชี้แจงให้ทราบว่า ต้องให้คำนึงถึงมิติเศรษฐกิจ การทำมาหากิน และการดำเนินชีวิตของประชาชนให้ปกติมากที่สุด แม้สายพันธุ์โอมิครอนจะระบาดเร็วและสูง แต่ไทยควบคุมได้ เนื่องจากเรามีมาตรการควบคุมได้ดี โดยเฉพาะการฉีดวัคซีน ดังนั้น อธิบดีจะเสนอผ่อนคลายแบบทั่วๆไปไม่ได้ ต้องเสนอให้ทุกมิติเดินไปข้างหน้าได้ และประชาชนดำเนินชีวิตได้มากที่สุด แต่ความปลอดภัยต้องมีอยู่
ผับบาร์รอก่อน-ชงปรับเทสต์แอนด์โก
สำหรับมาตรการผ่อนคลายที่คิดว่าจะเสนอ เช่น ปรับพื้นที่สีจังหวัด รวมทั้งแนวทางที่เคยทำมาอะไรที่ทำแล้วดูดีที่สุดให้ดำเนินการตามมิติเหล่านั้น เราดูทุกอย่างความพร้อมต้องมี ถ้าเกิดติดเชื้อต้องรองรับได้ไม่ให้ตื่นตระหนก และให้ความเข้าใจกับประชาชน ทั้งใช้ชีวิตและให้ความร่วมมือ ที่ผ่านมาต้องขอขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือทุกอย่าง ขอให้เป็นต่อไป ยิ่งร่วมมือมาก เรายิ่งกล้าผ่อนคลาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานบันเทิงยังไม่ผ่อนคลายใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตรงไหนที่เป็นความเสี่ยงสูงสุด เราจะค่อยๆผ่อนคลาย แต่เราก็เห็นใจ เวลามีการร้องขอเข้ามาให้เปลี่ยนรูปแบบจากผับ บาร์ เป็นภัตคารเราก็ยอม ทั้งที่เป็นคนประเภทกัน และเมื่อเปลี่ยนรูปแบบแล้วขอให้เป็นร้านอาหารจริงๆ ไม่ใช่ยังเป็นผับ บาร์อยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่สามารถผ่อนคลายได้ ที่ผ่านมารัฐบาลอยากผ่อนคลาย และเห็นใจประชาชน ตนพูดกับอธิบดีกรมควบคุมโรคว่าให้เข้าใจหัวอกคนทำมาหากิน ผู้ประกอบการ ลูกจ้างขับเคลื่อนได้ด้วยการดำเนินธุระกิจ แตกต่างจากพวกเราที่เป็นข้าราชการยังไงก็มีเงินเดือน ซึ่งอธิบดีกรมควบคุมโรคเข้าใจดี ส่วนจะปรับมาตรการเข้าประเทศตามระบบเทสต์ แอนด์ โกหรือไม่นั้น สธ.คงเสนอเรื่องนี้กลับมาปรับปรุงรูปแบบใหม่ ทุกอย่างอยู่ที่ศบค.จะเห็นชอบหรือไม่
นายกฯย้ำเร่งฉีดเข็ม3เป็นนโยบายสำคัญ
ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมฝากความห่วงใยถึงครอบครัวที่มีคนอยู่ร่วมกันหลายวัย ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ขอให้เพิ่มความระวังสูงสุด แยกส่วนที่ใช้พื้นที่ร่วมกัน ลดการติดเชื้อในครอบครัว เพราะเมื่อมีบุคคลที่เสี่ยง สูงอายุ ติดเตียง อาจป่วยและเสียชีวิตได้ ขอยืนยันว่าวัคซีนทุกสูตรพบมีประสิทธิผลป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิตจากแต่ละสายพันธุ์สูง แต่ประสิทธิผลของวัคซีนในส่วนป้องกันติดเชื้อมีสูง จะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ส่วนการฉีดวัคซีนวันที่ 16 มกราคมข้อมูลถึงเวลา 20.50 น. ไทยฉีดวัคซีนสะสมแล้ว 110,160,088 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 ฉีดสะสม 51,786,685 โดส เข็มที่ 2 ฉีดสะสม 47,578,583 โดส เข็มที่ 3 ฉีดสะสม 10,172,653 โดส เข็มที่ 4 ฉีดสะสม 622,167 โดส ทั้งนี้ นายกฯให้การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็นนโยบายสำคัญช่วยควบคุมการระบาดของโรค ป้องกันให้ผู้คนปลอดภัยจากโรคนี้ นายกฯจึงอยากให้กลุ่มเปราะบาง ที่เป็นผู้สูงอายุและป่วยเรื้อรัง ที่รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้นสร้างภูมิคุ้มกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี