‘ตำรวจภาค5’โชว์ผลงานสกัดกั้น 3 แก๊งขนยานรก ยึด‘ยาบ้า’บิ๊กล็อต 9 ล้านเม็ด
19 มกราคม 2565 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (บช.ภ.5) โดยการอำนวยการของ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.บัญฑิต ตุงคะเศรณี , พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน , พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.วรพงค์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 พร้อมด้วย นายดนุชา ไชยวงศ์ ผอ.ส่วนอำนวยการบังคับใช้กฎหมาย ป.ป.ส.ภาค 5 , พ.อ.นพดล ยงพาณิชย์ รอง ผบ.ศป.บส.ชน. , พ.อ.ขวัญประชา แก้วแปง หน.ฝวข.ศอ.บส.ชน. ร่วมแถลงข่าวตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมยาเสพติดรายสำคัญ 3 คดี ผู้ต้องหารวม 6 คน พร้อมของกลางยาบ้า 8,616,000 เม็ด ดังนี้
คดีที่ 1 เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2565 เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากผู้ขับรถบรรทุกผัก ทะเบียนเชียงราย ว่า ได้รับจ้างจาก “เอก สำโรง 2” ให้ขึ้นไปบรรทุกของที่บ้านแคหวาย ซอย 1 สนามกีฬากลาง จ.เชียงราย ได้ค่าจ้าง 6,000 บาท ให้ไปส่งปลายทางที่ อ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ มีผู้มายกสิ่งของขึ้นรถ 4 คน เป็นชาย 2 คน ผู้หญิง 2 คน โดยบรรจุใส่กล่องโฟม 30 กล่อง มีผักอำพรางไว้ด้านบน ซึ่งได้ขับรถตามเส้นทางบายพาสเก่าออกแยกถนนหลัก ผ่านปูแกง-แม่ใจ-เมืองพะเยา-แม่กา-นาแก-นางฟ้า-ร้องเข็ม ผ่าน จ.แพร่ ถึงด่านตรวจเอกซเรย์ห้วยไร่ เจ้าของรถสงสัยสิ่งของที่รับจ้างบรรทุกมา จึงขอเอารถเข้าเอกซเรย์ พบของกลางยาบ้า 12 กล่องโฟม จำนวนประมาณ 2,300,000 เม็ด ซุกซ่อนมากับกล่องสับปะรดทำเครื่องหมายไว้หน้ากล่อง 5+6 เป็นกล่องยาเสพติด ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลหาผู้เกี่ยวข้องในการลักลอบ ลำเลียงขนส่งยาเสพติดในครั้งนี้
คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2565 ชุดสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด บก.สส.ภ.5 , ฉก.31 กองกำลังผาเมือง สืบทราบว่ามีกลุ่มบุคคลเดินทางมาลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ผ่าน อ.เชียงของ จ.เชียงราย มุ่งหน้าไปยัง อ.เทิง จ.เชียงราย จึงได้จัดชุดสะกดรอยติดตาม เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุบริเวณจุดตรวจท่าเจริญ เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดจับกุมได้ทำการสกัดรถของกลุ่มผู้ต้องหา เพื่อจะทำการตรวจค้นจับกุมตามยุทธวิธีตำรวจ แต่กลุ่มผู้ต้องหาไม่ยอมหยุดรถ พร้อมกับแยกย้ายกันหลบหนี โดยขับรถบรรทุกของกลางไปจอดทิ้งไว้ที่บ้านประชาชนริมถนน ขุนตาล-เทิง แล้วหลบหนีไป
เจ้าหน้าที่จึงได้บูรณาการประสานให้แต่ละหน่วยในพื้นที่ตั้งจุดตรวจจุดสกัด จนทหารพราน ฉก.31 กองกำลังผาเมือง ซึ่งตั้งจุดสกัดบนถนนสาย ขุนตาล–พญาพิภักดิ์ พบนายต่ง ขับขี่รถยนต์กระบะผ่านมา พร้อมพวก 3 คน จึงได้ควบคุมตัวไว้ ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลหาผู้เกี่ยวข้องในการลักลอบ ลำเลียงขนส่งยาเสพติดในครั้งนี้ โดยคดีนี้มีของกลางยาบ้า 6,030,000 เม็ด
คดีที่ 3 วันที่ 15 มกราคม 2565 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีรถยนต์ลากจูง (รถสไลด์) ลักลอบขนยาเสพติดผ่านจุดตรวจยาเสพติดแม่พริก ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมกำลังปฏิบัติหน้าที่บริเวณหน้าด่านตรวจยาเสพติดแม่พริกนั้น มีรถยนต์ลากจูง หมายเลขทะเบียน กทม. ตรงตามที่สายลับแจ้ง วิ่งเข้ามายังจุดตรวจ จึงได้เรียกให้รถยนต์คันดังกล่าวหยุดเพื่อทำการตรวจค้น จากการตรวจค้นเบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่ผู้ต้องหา 3 รายที่อยู่ในรถ แสดงอาการมีพิรุธ จึงแจ้งให้ผู้ต้องหานำรถยนต์ของกลางเข้าไปอุโมงค์เครื่องเอกซเรย์ ผลการเอ็กซเรย์รถยนต์ของกลางดังกล่าว ปรากฏว่าพบสิ่งของผิดปกติอยู่ที่ด้านท้ายรถยนต์ของกลางมีลักษณะคล้ายมัดก้อน จึงเข้าตรวจค้นภายในรถยนต์ของกลางคันดังกล่าวอย่างละเอียด
ผลการตรวจค้นพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ 143 มัด รวมจำนวนประมาณ 286,000 เม็ด โดยผู้ต้องหารับว่าได้รับการติดต่อทางไลน์ให้ไปเอายาบ้าที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ จึงได้ทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสาม พร้อมของกลาง ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลหาผู้เกี่ยวข้องในการลักลอบลำเลียง ขนส่งยาเสพติดในครั้งนี้
สำหรับผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564-18 มกราคม 2565 ตำรวจภูธรภาค 5 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้พร้อมยาบ้าของกลาง จำนวน 46 คดี ยาบ้าของกลางรวมกว่า 71,199,420 เม็ด ไอซ์ 884,015 กรัม เฮโรอีน 42,000 กรัม และ เคตามีน 118,000 กรัม และตำรวจภูธรภาค 5 ได้เสนอ ป.ป.ส.ภ.5 ให้ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดของผู้กระทำความผิดยาเสพติด โดย ป.ป.ส.ภ.5 ได้มีคำสั่งตรวจยึดทรัพย์สินที่ไปแล้วทั้งสิ้น 30,179,272.54 บาท
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี