เปิดใจ!! สาวเจ้าของรถชาวโพธาราม จ.ราชบุรี ที่ออกมานำเสนอเรื่องราวของตนเองที่ถูกนายสิบทหารเช่ารถยนต์กระบะวีโก้ ถูกนำไปขายยังชายแดนเมียนมา ผ่าน Tiktok แต่ที่เธอเองต้องช้ำใจเพราะต้องนำทองไปขายเพื่อนำเงินแสนไถ่รถตัวเองคืนถึง 1.8 แสน พร้อมแจ้งความเอาผิดนายสิบทหารที่เช่ารถแล้ว
จากกรณีที่มีผู้ใช้ tiktok ชื่อ @annnatcha111986 ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์ของตนเองที่ถูกคนร้ายเป็นถึงทหารยศสิบเอก หลอกเช่ารถยนต์กระบะ แล้วนำไปขายต่อฝั่งพม่า สุดท้ายตามหาจนเจอได้ประสานขอความช่วยเหลือไปยัง ตชด.344 ให้พาข้ามฝั่ง ช่วยเจรจากับทหารชนกลุ่มน้อยไม่ทราบฝ่าย เพื่อนำรถคืน แต่กว่าได้รถยนต์กระบะคืนต้องเสียเงินจำนวน 1.8 แสนบาทเพื่อซื้อกลับคืนมา ทั้งที่เป็นรถยนต์ของตนเองแท้ๆ พร้อมโพสต์เตือนเป็นอุทาหรณ์ไปยังเจ้าของรถยนต์ และ ผู้ที่ให้บริการเช่ารถยนต์อย่าตกเป็นเหยื่อแบบตนเองเพราะอาจจะไม่โชคดีที่ได้รถคืนแบบตนก็ได้
ผู้สื่อข่าวจึงได้ติดต่อไปยังผู้เสียหายพร้อมทั้งเดินทางไปสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยทราบชื่อคือ นางสาวนัชชา (แอน) อายุ 37 ปี อยู่บ้านในหมู่ที่ 5 ต.เขาชะงุ้ม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี โดยได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 9 มกราคม 65 ที่ผ่านมา มีลูกค้าเป็นทหารยศสิบเอก เข้ามาขอเช่ารถกระบะโตโยต้า รีโว่ สีดำ 4 ประตู เป็นเวลา 3 วันที่ ศูนย์รถเช่าที่ อ.เมือง จ.ราชบุรี โดยอ้างว่าตัวเองเลิกกับแฟน ต้องขนของจากกรุงเทพฯ กลับกาญจนบุรี พร้อมนำบัตรประชาชน ใบขับขี่และเอกสารราชการมายืนยันว่าเป็นทหารจริง ซึ่งมีกำหนดนัดคืนรถวันที่ 12 ม.ค.
จนกระทั่งคืนวันที่ 11 ม.ค.อีกฝ่ายทักมาบอกว่าให้ลูกน้องยืมรถไปแล้วติดต่อไม่ได้ อยากให้ตนช่วยเช็คจีพีเอสหาพิกัด ตนก็เลยเอะใจและบอกไปว่ารถไม่มีจีพีเอส แต่ในสัญญาระบุว่าห้ามนำรถไปให้ผู้อื่น ถ้าเกิดความเสียหายผู้เช่าจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งนายทหารคนนั้นก็บอกว่าติดต่อลูกน้องได้แล้ว แต่เมื่อเช็คจีพีเอส พบว่าล่าสุดว่าวิ่งไป อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ก่อนจะตีกลับมาที่ ต.หนองตากยา อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี จากนั้นจีพีเอสรถก็ไปอยู่นิ่งที่ห้างเซนทรัลศาลายา จ.นครปฐม แต่เมื่อเช็คจีพีเอส อีกตัวซึ่งทางผู้เช่านั้นไม่ทราบว่าเราติดไว้สองตัว ก็พบว่ารถนั้นไปอยู่ที่ จ.ตาก จึงพยายามติดต่อคนเช่า แต่ติดต่อไม่ได้ จึงได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองราชบุรี
น.ส.แอน กล่าวอีกว่า ตอนแรกตนเข้าใจว่าอีกฝ่ายถอดจีพีเอสออกแล้ว โดยเลี้ยงไฟไว้หลอกตนให้แสดงสัญญาณตลอด แต่เขาใช้วิธีบล็อกสัญญาณ พอรู้ว่าไม่มีรถอยู่แล้ว ตนก็พยายามคุยกับเขาอีกฝ่ายดีๆ เพื่อไปตามสืบหารถเอง จนเขาบอกว่าเอารถไปให้เพื่อนทอม ตนก็ติดต่อไป ทอมอ้างว่าไม่รู้ว่ารถไปไหน แต่ยอมรับว่าตัวเองรู้กันกับทหารที่มาเช่าว่าจะเอารถออกไปหลอกขายกับคนอื่น ตนจึงไล่เช็คว่ารถผ่านที่ใดไปบ้าง จนทราบว่าวันที่ 13 ม.ค. รถผ่านไปทางห้วยยะอุ มุ่งหน้าไป อ.แม่สอด จ.ตาก จึงประสานกับเจ้าหน้าที่ ตอนนั้นรถยังเป็นทะเบียนไทย
กระทั่งเช้าวันที่ 14 ม.ค. สัญญาณจีพีเอสรถซึ่งอ่อนมากแล้ว ไปโผล่ที่ ต.แม่ต้าน อ.ท่าสองยาง ตรงข้ามโรงพยาบาลแม่ต้าน ข้ามเข้าไปฝั่งเมียนมาประมาณ 20-30 กิโลเมตร จึงประสานตำรวจท้องที่ ก่อนเดินทางข้ามฝั่งไปพร้อมกับตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อเข้าไปพูดคุยกับกำนันผู้ใหญ่บ้านฝั่งเมียนมา
น.ส.แอน บอกอีกว่า ตนได้ส่งพิกัดดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่ ตชด.344 เพื่อประสานงานขอรถคืน และได้ประชุมกับเจ้าหน้าที่ตชด. 344 ทางเจ้าหน้าที่ได้โทรศัพท์ติดต่อกับกองกำลังกระเหรี่ยง พร้อมทั้งแจ้งว่า ให้ ทางเจ้าของรถ เตรียมเงินสดมา 1 แสนบาท เพื่อมาไถ่รถคืน แต่พอมาตอนเช้าอีกวันขอเป็นเงิน จำนวน 430,000 บาท ซึ่งก็พยายามต่อรอง ใช้เวลาคุยกันประมาณ 5 ชั่วโมง สุดท้ายจบที่ 180,000 บาท และมีค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกรวมแล้วต้องจ่ายประมาณ 250,000 บาท จึงได้รถคืนมา
จากการตรวจสอบภายในรถก็พบตัวบล็อกสัญญาณ จีพีเอส วางอยู่บริเวณช่องเก็บของใกล้คันเกียร์ ทำให้ทราบว่าสิ่งนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้จีพีเอสไม่สามารถทำงานได้ สำหรับอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นตัวตัดสัญญาณ จีพีเอส หาซื้อได้จากลาซาดา ตัวละประมาณ 1,500 บาท ซึ่งตนก็ได้พยายามติดต่อทางผู้ที่มาเช่ารถ จนทำให้ทราบว่าผู้เช่านำรถไปขายให้กับสาวทอมรายหนึ่ง และสาวทอมรายดังกล่าวได้ส่งรถไปขายที่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบประวัติสาวทอมรายนี้ก็พบว่า มีคดีทั้ง ฉ้อโกง และยักยอก หลายคดีในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ด้วย
น.ส.แอน กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนอยากจะฝากเรื่องราวของตนเองให้เป็นอุทาหรณ์ สำหรับผู้ที่มีรถให้เช่า ให้ระวังให้ดี เพราะขนาดตนเองนั้นละเอียดรอบคอบในเรื่องเอกสารหลักฐานและตรวจสอบประวัติยังโดนจนได้ ที่สำคัญคือ จีพีเอส ที่ช่วยให้เราตามรถของตนเองจนเจอ และสามารถนำกลับมาได้ในสภาพที่สมบูรณ์ ลูกค้ามาหลายรูปแบบ กรณีตัวเองก็ไม่คิดว่าจะมีข้าราชการเป็นมิจฉาชีพเข้ามาทำเอง ก็ต้องหมั่นตรวจสอบจีพีเอส เอารถไปใช้ที่ไหน ที่สำคัญสัญญาณจีพีเอสจะต้องแจ้งเตือนตลอด
อย่างไรก็ดี ในเรื่องของการดำเนินคดี ตนได้เข้าแจ้งความกับทหารยศนายสิบรายนี้ไว้แล้วที่ สภ.เมืองราชบุรี โดยตำรวจจะนัดทหารนายสิบไปสอบปากคำ ก่อนแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี