“ตรีนุช” เล็งตั้งข้าราชการปฏิบัติหน้าที่เลขาฯคุรุสภา หลังเลิกจ้าง “ดิศกุล” เหตุประเมินผลงานไม่ผ่านเกณฑ์ ด้าน “ดิศกุล” ยอมรับพลาดเอง “ซื่อโดยเจตนา”
21 มกราคม 2565 นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆนี้ ตนในฐานะประธานกรรมการคุรุสภาได้ลงนามในหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้าง นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการคุรุสภา สืบเนื่องจากที่ประชุมคณะกรรมการคุรุสภา เมื่อวันที่ 18 ม.ค.65 ได้พิจารณาผลการประเมินผลงานและการประเมินผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานของนายดิศกุล ในรอบปีงบประมาณ พ.ศ.2564 แล้วมีมติ เห็นชอบผลการประเมินตามที่คณะอนุกรรมการประเมินเสนอฯ โดยเห็นว่าผลการประเมินรอบปีงบฯ 2564 เป็นการประเมินครอบคลุมการปฏิบัติงาน แสดงถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานของเลขาธิการคุรุสภา และปรากฏผลการประเมินได้คะแนนร้อยละ 59.65 ไม่ผ่านเกณฑ์การตัดสินที่ต้องผ่านร้อยละ 75 จึงถือได้ว่าไม่ผ่านการประเมินตามสัญญาจ้างเลขที่ 2/2563 เป็นเหตุให้คณะกรรมการคุรุสภาบอกเลิกสัญญาจ้างนายดิศกุล และได้ส่งหนังสือแจ้งซึ่งนายดิศกุลก็ได้รับทราบแล้ว
นางสาวตรีนุช กล่าวด้วยว่า บอร์ดคุรุสภาได้ใช้ระยะเวลากว่า 3 เดือนในการพิจารณาผลการประเมินผลงานและการประเมินผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานของนายดิศกุล อย่างครอบคลุมรอบด้าน ทั้งจากเอกสารที่เจ้าตัวเสนอมา การสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้อง และบุคลากรในสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา จนกระทั่งมีมติดังกล่าวออกมา อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การปฏิบัติงานของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา รวมทั้งการดำเนินงานของคณะกรรมการคุรุสภาไม่สะดุด และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตนจะอาศัยอำนาจตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 7/2558 เรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการคุรุสภา คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา และคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริม สวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา ข้อ 6 ที่ระบุว่าในระหว่างที่เลขาธิการคุรุสภา หยุดการปฏิบัติหน้าที่ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พิจารณามอบหมายให้รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ หรือข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ ในระดับเดียวกันขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อน
“ในสัปดาห์หน้า ดิฉันจะมีคำสั่งมอบหมายให้ข้าราชการ ซึ่งมีความรู้ ความสามารถ เชี่ยวชาญด้านวิชาชีพครู และเข้าใจผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา มาปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคุรุสภาไปพลางก่อน ขณะเดียวกัน คณะกรรมการคุรุสภา ก็จะดำเนินการสรรหาเลขาธิการคุรุสภาต่อไป” รมว.ศธ. กล่าว
ด้านนายดิศกุล กล่าวว่า เมื่อเห็นหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้าง ก็ได้หยุดปฏิบัติงานทันที ตนมองว่าเกณฑ์การประเมินฯที่ตั้งไว้ว่าต้องผ่านที่ร้อยละ 75 ซึ่งเป็นไปไม่ได้ จึงยอมรับว่าพลาดเองที่เซ็นรับทราบเกณฑ์การประเมินไป เพราะเราเป็นข้าราชการนับถือผู้บังคับบัญชา เมื่อผู้บังคับบัญชาเอาเกณฑ์ประเมินมาให้ จึงต้องเซ็นรับไว้ก่อน แต่เมื่อตนยื่นอุทธรณ์ขอยกเว้นการประเมินบางตัวที่ไม่สามารถวัดความเที่ยงตรงได้ เช่น การจัดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ที่กำหนดไว้ว่าใน 1 ปี ต้องจัดสอบ 2 ครั้ง แต่ในความจริงแล้วจัดสอบได้ครั้งเดียว เพราะคณะกรรมการคุรุสภา และคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.) ตกลงกันไม่ได้ว่าควรจะสอบวิชาเอกหรือไม่ จึงทำให้การจัดสอบล่าช้า ทำให้ไม่สามารถจัดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ครั้งที่ 2 ได้ทัน ซึ่งเรื่องนี้จะกระทบการประเมินข้ออื่นๆด้วย แต่คณะกรรมการประเมินฯไม่รับพิจารณา และอ้างว่าตนเซ็นรับทราบไปแล้ว
“ผมถือว่าผมเป็นคนพลาดเองที่ซื่อโดยเจตนา เพราะได้เซ็นยอมรับเกณฑ์การประเมินไปแล้ว ถือเป็นการเอากฎหมายมาฆ่ากัน แต่ผมมองว่าผมไม่แพ้ในการทำงาน เพราะสังคมรับรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นคนอย่างไร ทำงานอย่างไร มีหลักฐานการทำงานที่เป็นผลประจักษ์ ส่วนจะดำเนินการทางกฎหมายหรือไม่ ก็ขอให้สังคมเป็นผู้พิจารณาตัดสินดีกว่า” นายดิศกุล กล่าว
ขณะที่ ดร.บัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร ประธานคณะกรรมการประเมินผลการปฏิบัติงานของเลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า เลขาธิการคุรุสภาได้ส่งผลงานการปฏิบัติงานมาให้คณะกรรมการประเมินผลงาน ซึ่งคณะกรรมการก็ได้ประเมินแล้วเห็นว่า บางเรื่องเลขาธิการคุรุสภา ไม่สามารถดำเนินการให้สำเร็จได้ ซึ่ง ดร.ดิศกุล ยอมรับว่าบางเรื่องไม่สามารถดำเนินการได้ เนื้องจากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 2019 ดังนั้นผลการประเมินจึงไม่ผ่านตามวัตถุประสงค์ของหลักเกณฑ์ที่วางไว้
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี