บุกค้น10ห้องเย็นสมุทรสาคร
อายัดหมู500ตัน
‘ปศุสัตว์’ขยายผลรวดเร็ว
บางแห่งไม่แจ้งรายการสินค้า
กระจายซุกไว้ในหลายจุด
จ่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
อธิบดีกรมปศุสัตว์เผยนายกฯ และรมว.เกษตรฯไฟเขียว สั่งขยายผลลุยตรวจสอบการกักตุนซากสุกรของห้องเย็น ระดมตรวจห้องเย็น 10 แห่ง ในจังหวัดสมุทรสาคร อายัดเนื้อหมูกว่า 500 ตัน เพื่อตรวจสอบ
น.สพ.สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการตรวจสอบห้องเย็นที่อาจมีการกักตุนสินค้าประเภทเนื้อสุกรเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า ซึ่งกรมปศุสัตว์
ได้มีการขยายผลตรวจสอบอย่างต่อเนื่องพร้อมหน่วยงานในพื้นที่เครือข่ายกองบังคับการปราบปราบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) โดยล่าสุดได้สนธิกำลังเร่งตรวจสอบห้องเย็นเพื่อกันการกักตุนซากสุกรในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 10 แห่ง อายัดสินค้ารอตรวจสอบแล้วรวมกว่า 500 ตัน
ทั้งนี้วันที่21 มกราคม ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษพญาไท เจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์ กองสารวัตรและกักกัน สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสมุทรสาคร กรมปศุสัตว์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) สถานีตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร เข้าตรวจสอบการกักตุนซากสุกรในห้องเย็น ผลการตรวจสอบพบว่า ห้องเย็นแห่งหนึ่งมีเนื้อสุกรแช่แข็งจัดเก็บ แจ้งกรมการค้าภายใน จำนวน 929 ตัน แต่ไม่พบการออกเอกสารเคลื่อนย้ายเนื้อสุกรออกจากห้องเย็น ปลายทางนครปฐมและราชบุรี จำนวนกว่า 400 ตัน ซึ่งได้มีการเคลื่อนย้ายเนื้อสุกรไปแล้ว โดยเป็นเนื้อสุกรที่รับฝากมาจากบริษัทแห่งหนึ่งย่านราชบุรี นครปฐม ปทุมธานี กรุงเทพฯ และจากแหล่งอื่นๆ
นอกจากนี้ ยังพบว่าในส่วนที่ยังไม่ได้เเจ้งกับกรมการค้าภายใน ตรวจสอบพบอีกจำนวน 234 ตัน เป็นของบริษัท A แห่งหนึ่งจากราชบุรีที่นำมาฝากเมื่อเดือน กันยายน - พฤศจิกายน 2564 โดยบริษัทดังกล่าวยังไม่เคยเบิกสินค้าออกแต่อย่างใด สินค้าที่ฝากเก็บมีการระบุชื่อสินค้าเป็นสันนอกติดปีก ทำให้ห้องเย็นจัดเก็บเป็นสินค้าไก่ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นเนื้อสุกร ซึ่งไม่สามารถแสดงเอกสารเคลื่อนย้ายจำนวนประมาณ 71 ตันได้ พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการอายัดสินค้าไว้ก่อนทั้งหมด 71 ตัน หากสามารถนำมาแสดงได้จะเข้ามาดำเนินการถอนอายัด โดยให้บริษัท A นำเอกสารมาแสดงและชี้แจงภายในวันที่ 22 มกราคม 2565
และในวันเดียวกันนี้ ได้เข้าตรวจสอบห้องเย็นอีกแห่งพบเอกสารเคลื่อนย้ายซากสัตว์แต่ไม่พบเนื้อสัตว์เข้าฝากในห้องเย็นโดยจำนวนที่ระบุในเอกสาร 283 ตัน จึงได้สอบถามถึงสถานที่จัดเก็บเนื้อสัตว์ดังกล่าว จากนั้นจึงได้ตามสอบไปยังห้องเย็นอีกแห่งหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่จัดเก็บเพิ่มเติมของห้องเย็นที่พบเอกสารแต่ไม่มีสินค้าจัดเก็บ พบว่ามีการนำซากสุกรจากบริษัท B และบริษัท A ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับที่ตรวจพบจากห้องเย็นข้างต้น จำนวนกว่า 441 ตัน มาจัดเก็บไว้ที่ห้องเย็นนี้ โดยไม่พบเอกสารเคลื่อนย้าย และไม่ได้แจ้งการกักตุนสินค้าให้กรมการค้าภายในทราบ จากการตรวจสอบพบมีซากสุกร พบว่าเป็นของบริษัท A มาจัดเก็บที่ห้องเย็นนี้จำนวน 158 ตัน และบริษัท B ไปจัดเก็บจำนวน 283 ตัน ตรวจสอบไม่พบเอกสารการเคลื่อนย้ายไปห้องเย็นดังกล่าว
โดยเบื้องต้น พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้อายัดซากสุกร จำนวน 441 ตันทั้งหมด และแจ้งให้บริษัท A และ B นำเอกสารการเคลื่อนย้ายและหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาแสดงภายในวันที่ 22 มกราคม 2565 นี้ หากไม่สามารถนำมาแสดงได้จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป หากประชาชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือพบเห็นการกระทำผิดด้านปศุสัตว์ สามารถแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย โดยแจ้งผ่านแอปพลิเคชัน DLD 4.0 หรือสายด่วนกรมปศุสัตว์ 063-225 -6888 ได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง
ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ได้ลงพื้นที่ให้กำลังใจเยี่ยม เยียนผู้ค้าในตลาดเทิดไทตาลคู่ ถ.มิตร ภาพ จ.นคร ราชสีมา โดยได้มีการเดินเยี่ยมชมทั้งตลาดพร้อมสังเกตการณ์ราคาสินค้าเกษตร นอกจากนี้ยังได้มีการพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าผักผลไม้ ซึ่งภาพรวมที่เห็นในตลาดพบว่าสินค้าต่าง ๆ เหล่านี้ยังมีราคาปกติ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนได้เห็นคือการแก้ไขปัญหาราคาหมูแพงซึ่งพบว่าราคาหมูเนื้อแดงอยู่ที่ 150 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้นตามโครงการของรัฐบาลและนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ซึ่งตลาดเทิดไทแห่งนี้ได้สนองนโยบายรัฐเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของประชาชนด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ยังได้เดินประชาสัมพันธ์ในเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมหรือผู้เสียหายในคดีอาญา รวมทั้งการคุ้มครองพยานในคดีอาญา และกรณีที่ประชาชนไม่มีทนายความเพื่อต่อสู้คดีเพื่ออำนวยความยุติธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ โดยสามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ส่วนกลาง คือ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และส่วนภูมิภาค ได้แก่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ หรือติดต่อที่ สายด่วนยุติธรรม โทร. 1111 กด 77 โดยเวลานี้ตนยืนยันว่าเรามีงบประมาณเพียงพอที่จะสามารถดูแลประชาชน
“การเดินทางลงพื้นที่เยี่ยมเยียนผู้ค้าในวันนี้ เพราะผมอยากดูชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขา เนื่องจากขณะนี้ราคาสินค้ามีการขยับสูงขึ้น แต่รัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้งยังทำงานเต็มที่เพื่อช่วยเหลือประชาชน และในส่วนงานของกระทรวงยุติธรรมผมอยากลงพื้นที่แบบนี้บ่อย ๆ เพราะอยากให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิและรับรู้เรื่องของกระบวนการยุติธรรมอย่างเสอมภาค ซึ่งยอมรับว่าเวลานี้ประชาชนรู้จักกระทรวงยุติธรรมมากขึ้นแล้ว โดยผมและกรมต่าง ๆ จะคอยขลับเคลื่อนบริการเอาความยุติธรรมใส่มือประชาชน” นายสมศักดิ์ ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี