นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด เปิดเผยว่า ตามที่ครม.มีมติเห็นชอบหลักการในการลงทุนภายใต้โครงการFlexible Plus Program โดยกำหนดเงื่อนไขและให้สิทธิ์ในการทำงานแก่ผู้ถือบัตรสมาชิกพิเศษ Thailand Privilege Card เพื่อเป็นการกระตุ้นให้นักลงทุนชาวต่างชาติมาลงทุนในไทย และราชกิจจานุเบกษา ได้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทย อนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงานภายใต้โครงการ Flexible Plus Program เพื่อกระตุ้นการลงทุนและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 นั้น

นักลงทุนต่างชาติที่สามารถเข้าร่วมโครงการ Flexible Plus Program ได้แก่ สมาชิก Thailand Privilege Card (บัตร Thailand Elite) ที่มีอายุบัตรตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป สำหรับสมาชิกเดิมต้องมีอายุสมาชิกบัตรคงเหลือไม่ต่ำกว่า 5 ปี ประเภทของบัตรสมาชิกต้องมีมูลค่าตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป ประกอบด้วย Elite Ultimate Privilege, Elite Superiority Extension  และ Elite Privilege Access โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ภายในเวลา 1 ปี และมีการลงทุนในประเทศไทยภายใต้ 3 ประเภทคือ 1.การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ตามสิทธิที่ชาวต่างชาติพึงได้รับ 2.การลงทุนในบริษัทจำกัดและบริษัทจำกัดมหาชน  และ 3.การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ (หรือหน่วยงานลงทุนที่ได้รับอนุมัติจาก ก.ล.ต.) ซึ่งกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น อังกฤษ ฮ่องกง รัสเซีย ฝรั่งเศส อเมริกา สิงคโปร์ เป็นต้น ทั้งนี้จะทำการประชาสัมพันธ์โครงการฯ ผ่านสำนักงาน ททท. และหน่วยงานของภาครัฐในต่างประเทศ ควบคู่กับการทำตลาดออนไลน์ รวมทั้งตัวแทนจำหน่าย 27 ราย ซึ่งโครงการยังทำให้มีการใช้จ่ายด้านอื่นๆ อาทิ ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร การซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูง
ด้วย

นายฉันทลักขณ์ ฮีสวัสดิ์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบัน จำนวนสมาชิก Thailand Privilege Card มีกว่า 16,000 คน และเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผู้เข้าร่วมจะได้รับสิทธิประโยชน์ พร้อมสิทธิพิเศษของบัตรแต่ละประเภท เช่น เปลี่ยนประเภทวีซ่า จากวีซ่าประเภทอยู่ชั่วคราวเป็นพิเศษ (PE Visa) เป็นวีซ่าธุรกิจและการทำงาน (Non-B Visa) และใบอนุญาตทำงานในประเทศไทย (Work Permit) 5 ปี เป็นต้น