สสส. ร่วมมือกับ มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย ดำเนินโครงการครอบครัวปลอดภัย ชุมชนสดใส ไร้ใบยาสูบในจังหวัดสตูล สร้างสังคมปลอดบุหรี่อย่างยั่งยืน ผ่านผู้นำศาสนาและชุมชน พัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรผ่านการปลูกพืชทดแทน
โครงการครอบครัวปลอดภัย ชุมชนสดใส ไร้ใบยาสูบ เป็นหนึ่งในโครงการที่มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย ขับเคลื่อนงานมาแล้วกว่า 3 ปี ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สามารถช่วยลดพื้นที่ปลูกยาสูบไปได้มาก และสิ่งสำคัญ คือ การทำงานขับเคลื่อนภายในชุมชนจนนำมาสู่ผลที่เป็นรูปธรรม เพราะพื้นที่ปลูกใบยาสูบลดลงและสามารถทำให้บางคนเลิกสูบบุหรี่ได้อีกด้วย
นายไฟซอล สะเหล็ม ผู้รับผิดชอบโครงการลดการพึ่งพิงยาสูบ มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย กล่าวถึงที่มาของโครงการนี้ว่า จากเดิมเน้นรณรงค์ให้ผู้สูบบุหรี่เลิกสูบเป็นหลัก ต่อมา ศ.ดร.อิศรา ศานติศาสน์ ประธานมูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย ได้ให้คำแนะนำว่า ยังไม่เคยมีใครมาดำเนินโครงการลดจำนวนการปลูกในกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบมาก่อน จึงได้เริ่มโครงการ แม้ในช่วงแรกจะเผชิญกับข้อกังขาจากผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่บ้าง เพราะเป็นสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกับรายได้ของคนในชุมชน จึงได้นำแรงผลักดันจากข้อกังขาเหล่านี้มาทำงานให้เกิดขึ้นได้จริง โดยเริ่มประสานงานไปยังพื้นที่จังหวัดสงขลาและสตูล 10 ชุมชน พยายามปรับความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องการปลูกยาสูบและการสูบบุหรี่
“ความท้าทายที่พบเจอในช่วงแรกนั้นแม้ว่าจะมีความยาก แต่จากการหมั่นลงพื้นที่เป็นประจำ สร้างความใกล้ชิดของตนเองในชุมชนให้ได้มากที่สุด สื่อสารออกไปให้เห็นว่า บทบาทที่ได้ลงไปทำงานนั้นเป็นการแนะนำและชักชวนให้เกิดสิ่งที่ดีมาสู่ชุมชน พยายามพูดคุยอยู่บ่อยครั้งให้เกิดความเชื่อใจระหว่างกัน จนทำให้เกิดการปรับทัศนคติอย่างค่อยเป็นค่อยไปและนำมาสู่การทำงานร่วมกันในที่สุด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ใช้เวลาและต้องหมั่นทำอยู่สม่ำเสมอก็จะทำให้ได้รับทราบข้อมูลอย่างแท้จริง” นายไฟซอล กล่าว
ส่วนขั้นตอนการทำงานเพื่อลดจำนวนผู้ปลูกยาสูบ เริ่มตั้งแต่ประสานงานไปยังผู้นำชุมชนและผู้นำศาสนาในพื้นที่นั้น ๆ ก่อน ให้เห็นภาพของโครงการ สอบถามความเห็นเก็บข้อมูลจากประชากรในชุมชน เกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ จัดทำเป็นฐานข้อมูลแล้วจัดเวทีประชาคมในชุมชน ซึ่งมีทั้งผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เกษตรกรในชุมชน เพื่อมาหารือร่วมกันว่าจะสามารถปลูกพืชอะไรทดแทนได้บ้าง โดยที่ไม่ได้กำหนดอย่างตายตัวว่า จะปลูกพืชผักชนิดไหน แต่ยึดตามความบริบทแต่ละพื้นที่แทน หลังจากนั้นจะให้องค์ความรู้แก่ชาวบ้าน ตั้งแต่พิษภัยของการพึ่งพิงยาสูบ ทำให้รู้ว่าชาวบ้านบางคนยังมองว่าการสูบใบยาสูบที่ตนเองปลูกมีความปลอดภัย ซึ่งถือเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะใบยาสูบยังมีสารก่อมะเร็งและไม่มีก้นกรอง มีอันตรายไม่ต่างจากบุหรี่มวนธรรมดา
หลังจากนั้นจึงได้จัดกิจกรรมในกลุ่มเด็กและเยาวชน ให้ความรู้ผ่านการเล่นแบบสนุกสนาน สอดแทรกข้อมูลพิษภัยของบุหรี่ ทั้งในเรื่องควันบุหรี่มือสองและมือสาม สาเหตุที่เลือกกลุ่มนี้ด้วยเพราะมองว่า บุคคลในครอบครัวมีอิทธิพลอย่างมากที่ทำให้ผู้สูบบุหรี่เลิกสูบได้และเป็นกระบอกเสียงเพื่อให้เลิกบุหรี่ได้อีกด้วย จากนั้นจึงได้นำตัวแทนทั้ง 10 ชุมชนมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันว่าแต่ละแห่งมีจุดเด่นอย่างไร ศึกษาดูงานระหว่างกัน และถอดบทเรียนติดตามประเมินผล ในขณะนี้ชุมชนบางแห่งเริ่มมีการทำงานในระยะที่ 2 และเน้นไปยังการปลูกพืชทดแทนแล้ว
ซึ่งจากผลการดำเนินงาน พบว่า สามารถลดพื้นที่ปลูกใบยาสูบ รวม 6.92 ไร่ คิดเป็นใบยาสูบ 193.76 กิโลกรัม เทียบบุหรี่มวน จำนวน 276,800 มวน หรือ 13,840 ซอง และเกิดชุมชนต้นแบบเลิกปลูกใบยาสูบ 100 % จำนวน 8 ชุมชน โดยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดใน 2 พื้นที่ คือ ชุมชนบ้านแคเหนือ หมู่ที่ 2 ตำบลแค อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา กับชุมชนหมู่บ้านน้ำร้อน หมู่ที่ 4 ตำบลทุ่งนุ้ย อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล มีทิศทางที่ดีมาก ชาวบ้านส่วนใหญ่รับรู้ถึงการงดสูบบุหรี่ในสถานที่สำคัญ เช่น มัสยิด หรือบ้านที่ปิดป้ายงดสูบบุหรี่ ทำให้เกิดความเกรงใจและลดการสูบไปเองอย่างมีนัยสำคัญ
พร้อมระบุว่า ผู้นำศาสนาและผู้นำชุมชน คือบุคคลที่มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการขับเคลื่อนโครงการนี้ เพราะหากผู้นำไม่เห็นด้วย ชาวบ้านก็จะไม่เข้ามาร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้น ซึ่งขณะนี้ได้พยายามขยายโครงการนี้ไปยังพื้นที่อื่นมากขึ้น เช่น จังหวัดพัทลุง และนครศรีธรรมราช พร้อมมองว่า หากได้แลกเปลี่ยนความรู้กับพื้นที่ภาคอื่น ๆ จะทำให้ได้มีข้อมูลที่น่าสนใจมากขึ้น และหากมีการเชื่อมโยงกับประเด็นอื่น ๆ เช่น "อาหารปลอดภัย" ของสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ (สำนัก 5) สสส. ก็จะเป็นเรื่องที่ดี เพราะสามารถส่งเสริมให้ชุมชนสามารถขับเคลื่อนงานให้มีความสบูรณ์ได้มากขึ้น
ในพื้นที่จังหวัดสตูล ชุมชนหมู่บ้านน้ำร้อน หมู่ที่ 4 ตำบลทุ่งนุ้ย อำเภอควนกาหลง เป็นพื้นที่ตัวอย่างที่ผู้นำทางศาสนามีบทบาทช่วยสร้างความตระหนักรู้และขับเคลื่อนโครงนี้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนายอะซีด หมัดอะดัม อิหม่ามประจำมัสยิดกอซีมีย๊ะห์ บ้านน้ำร้อน กล่าวว่า ได้ใช้โอกาสที่มีการละหมาดที่มัสยิดทุกวันศุกร์ ในการพูดให้เห็นถึงพิษภัยของบุหรี่ที่มีต่อสุขภาพ ขณะเดียวกันในวันพุธช่วงเวลา 14 นาฬิกาถึง 16 นาฬิกา ได้ตั้งโปรแกรมอบรมแม่บ้านในชุมชน สอดแทรกความรู้เรื่องผลเสียของบุหรี่ ใบจาก และยาสูบ ให้กับเด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการทำงานกว่า 3 ปี ก็ได้เชิญผู้ที่ทำงานด้านการควบคุมยาสูบจากหลายภาคส่วน มาให้ความรู้เพิ่มเติม โดยตนเองก็เป็นวิทยากรในงานนี้ด้วย ปรากฏว่า จำนวนผู้สูบบุหรี่ในชุมชนเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีก้นกรองบุหรี่ หรือเศษใบยาสูบตามร้านน้ำชาต่าง ๆ แล้ว พร้อมติดป้ายประชาสัมพันธ์ห้ามการสูบบุหรี่ในพื้นที่มัสยิด ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี และจะขยายผลการทำงานโครงการนี้ออกไปยังมัสยิดแห่งอื่นที่อยู่ในอำเภอควนกาหลงให้มากขึ้น
“อยากฝากว่า บุหรี่ถือเป็นสิ่งที่ทำร้ายตนเอง ทำร้ายผู้อื่น ดังนั้นตามหลักการทางศาสนาจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรนำมาเสพ สูบ หรือแจกจ่ายขายออกไป นอกจากนี้ อดีตจุฬาราชมนตรียังเคยให้คำตัดสินว่า บุหรี่เป็นสิ่งต้องห้ามตามคัมภีร์อัลกุรอานด้วย” อิหม่ามอะซีด กล่าวทิ้งท้าย
ด้านนายอนันต์ ตามาต ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ตำบลทุ่งนุ้ย อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล กล่าวถึงการขับเคลื่อนโครงการนี้ว่า ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้ถึงโครงการเลิกปลูกใบยาสูบ พร้อมรณรงค์สร้างจิตสำนึกเพื่อลดละเลิกบุหรี่ให้ได้มากที่สุด ซึ่งถือว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ คนที่เห็นด้วย เริ่มปลูกพืชทดแทน เช่น กล้วย มะนาว พริก สามารถสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นได้จริงจากการขายผลผลิตในสถานที่ท่องเที่ยวอย่างบ่อน้ำร้อน และขายหมดทุกวัน ซึ่งขณะนี้ไม่มีการปลูกใบยาสูบในชุมชนแล้ว ขณะเดียวได้วางแผนสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมให้มากขึ้น หาสถานที่เป็นตลาดเพื่อขายผลผลิตสินค้าเกษตรของชุมชนได้ต่อไป
ขณะที่ นายอารีย์ สันเหล็ม เกษตรกรผู้ที่เลิกปลูกยาสูบ กล่าวถึงการเข้าร่วมโครงการว่า ได้รับการชักชวนจากเพื่อนที่อำเภอใกล้เคียง และได้หารือร่วมกันระหว่างผู้รับผิดชอบโครงการลดการพึ่งพิงยาสูบ ผู้นำชุมชน และผู้นำทางศาสนา ทำให้เห็นว่า การปลูกใบยาสูบแต่ละครั้งใช้เวลานานประมาณ 7-8 เดือน ต้องดูแลเป็นประจำ ทั้งการเก็บศัตรูพืชด้วยมือ หรือการรดน้ำเป็นประจำ ถึงแม้ว่าจะขายได้กิโลกรัมละ 2,000-3,000 บาท แต่ยังมีต้นทุนแฝงในรูปแบบอื่นอีกมาก เช่น การจ้างฝานหรือหั่น ประมาณ 600 บาท ต่อกิโลกรัม และต้องเก็บใบยาสูบประมาณ 20 ต้นแต่ละต้นต้องสูงประมาณ 1.5 เมตร จึงได้ 1 กิโลกรัม ซึ่งยังไม่รวมค่าปุ๋ย ค่าน้ำ ที่ถือเป็นภาระทางด้านต้นทุนที่เป็นของเกษตรกร แต่หากมาปลูกผักจะใช้เวลาน้อยกว่า และขายได้ง่ายกว่า มีประโยชน์ต่อสังคมด้วย เช่น แตงกวาหรือผักบุ้ง ที่ใช้เวลาไม่เกิน 2-3 เดือน
ด้านนายสะมะ ฝาและ บุคคลตัวอย่างที่เลิกบุหรี่ได้สำเร็จ กล่าวว่า หลังจากที่สูบบุหรี่มานานกว่า 30 ปี สุขภาพร่างกายไม่ค่อยดีเหนื่อยง่าย โดยเหตุผลที่ทำให้เลิกบุหรี่นั้น มาจากคำเตือนที่หลายคนบอกว่า สูบบุหรี่มีผลต่อปอดทำให้เหนื่อย ประกอบกับได้รับความรู้จากโครงการที่เข้ามาชักชวนให้เลิกบุหรี่ โดยได้เริ่มจากการเลิกบุหรี่ด้วยการฝึกลดจำนวนการสูบลง ช่วงแรกก็หงุดหงิดบ้าง ก็ใช้ตัวช่วยคือลูกอมหรือหมากฝรั่ง โดยใช้เวลาประมาณ 1 ปี สามารถเลิกได้เด็ดขาด ทำให้สุขภาพดีขึ้นไม่เหนื่อยง่าย วิ่งได้นาน จนสุดท้ายแล้ววิ่งได้ถึง 5 กิโลเมตร คนในครอบครัวก็ดีใจที่เลิกบุหรี่ได้
-(016)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี