วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) ได้ประกาศว่า จุฬาฯ ได้สั่งปลด เนติวิทย์ พ้นจากตำแหน่ง นายกอบจ.แล้ว โดยระบุว่า
“ด่วน! จุฬาฯ สั่งปลด ‘เนติวิทย์’ พ้นตำแหน่งนายกอบจ. เหตุเชิญ เพนกวิน-ปวิน-รุ้ง ไลฟ์เซอร์ไพรส์นิสิตใหม่ กิจการนิสิตระบุ ไม่แจ้งก่อน ขัดระเบียบและทำลายเกียรติมหาวิทยาลัย
ตามคำสั่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ 0821/2565 เรื่อง ลงโทษตัดคะแนนความประพฤตินิสิต
สำนักบริหารกิจการนิสิตระบุว่า สืบเนื่องจากการจัดงานปฐมนิเทศนิสิตใหม่ ปีการศึกษา 2564 ที่จัดขึ้นในรูปแบบไลฟ์สด มีนิสิต 2 ราย ที่กระทำผิดวินัยนิสิต ได้แก่ นางสาวพิชชากร ฤกษ์สมพงษ์ นิสิตปริญญาตรี คณะครุศาสตร์ ผู้ดำรงตำแหน่งอุปนายกคนที่ 1 และนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ ผู้ดำรงตำแหน่งนายกสโมสรนิสิต
โดยบรรยายความผิดของนางสาวพิชชากรไว้ว่า มีเจตนากระทำกิจกรรม “เซอไพรส์” โดยขัดต่อวัตถุประสงค์การจัดกิจกรรมของสำนักบริหารกิจการนิสิต อันได้แก่ “ให้นิสิตใหม่เกิดความประทับใจในมหาวิทยาลัย” ด้วยการนำเสนอวีดิทัศน์ของวิทยากรรับเชิญสามราย คือ คุณปวิน คุณรุ้ง และคุณเพนกวิน โดย “ไม่ได้แจ้งให้สำนักบริหารกิจการนิสิตทราบก่อน” ซึ่งในกิจกรรม “เซอร์ไพรส์” ดังกล่าว มีข้อความของคุณเพนกวินที่กล่าวเชิญชวนให้นิสิตใหม่ให้ของลับ (“แจกค_ย”) ทั้งยังมีกิริยาท่าทางและคำพูดที่สำนักบริหารกิจการนิสิตเห็นว่า “หยาบคาย”
สำนักบริหารกิจการนิสิตเห็นว่า การกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดการแตกความสามัคคี ขัดต่อ “วัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของไทย” สุดท้าย การจัดกิจกรรมดังกล่าวจึงกระทบต่อชื่อเสียงเกียรติคุณของมหาวิทยาลัยอย่างร้ายแรง มีความผิดตามวินัยนิสิต ตามข้อ 6 แห่งระเบียบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่าด้วยวินัยนิสิต ปี พ.ศ. 2527 และฐานนำขนบประเพณีหรือวิธีการอันไม่เหมาะสมแก่วัฒนธรรมไทยมาปฏิบัติ ตามข้อ 12 ของระเบียบเดียวกัน
สังเกตได้ว่า ระเบียบดังกล่าวที่ตราขึ้นเมื่อราว ๆ 40 ปีที่แล้วยังคงถูกนำมาบังคับใช้โดยไม่คำนึงถึงความเปลี่ยนแปลงของบริบทแห่งสังคมไทยแต่อย่างใด
ต่อมา สำหรับนายเนติวิทย์นั้น สำนักบริหารกิจการนิสิตบรรยายความผิดไว้ว่า ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ควบคุมดูแลการดำเนินงานขององค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ และรู้เห็นเป็นใจกับการจัดกิจกรรม “เซอร์ไพรส์” ดังกล่าว โดยเป็นผู้ติดต่อคุณเพนกวินให้เป็นวิทยากรรับเชิญ และนายเนติวิทย์ได้โพสต์ถึงการมีกิจกรรมเซอร์ไพรส์ดังกล่าวในสื่อมัลติมีเดียของตน นอกจากนั้น ยังจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยการไม่ตรวจสอบกิจกรรมที่ไม่ได้ระบุไว้ในกำหนดการว่าสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของ “สำนักบริหารกิจการนิสิต” หรือไม่ มีความผิดตามระเบียบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยว่าด้วยวินัยนิสิต ตามข้อ 6 และ 12 เช่นเดียวกัน
สุดท้าย สำนักบริหารกิจการนิสิตตัดคะแนนความประพฤติของทั้งสองคน คนละ 10 คะแนน และในส่วนของนายเนติวิทย์ จะมีผลให้พ้นจากการดำรงตำแหน่งนายกสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโดยทันที”
ทั้งนี้ เนติวิทย์ ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกสโมสรนิสิติจุฬาฯ ในการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยได้คะแนน 10,324 คะแนน ทิ้งห่างหมายเลข 2 ที่ได้ 2,030 คะแนน มีผู้มาลงคะแนน 14,691 คน
สำหรับ นายเนติวิทย์ เคยเป็นนักเคลื่อนไหวและนักกิจกรรมการเมืองรุ่นใหม่ สมัยมัธยมฯ เป็นผู้ก่อตั้งสมาพันธ์นักเรียนไทยเพื่อการปฏิวัติระบบการศึกษาไทยและกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท เคลื่อนไหวทางการเมือง สิทธิ มาตั้งแต่สมัยมัธยมฯ เช่นเรื่องทรงนักเรียน ปฏิรูปหลักสูตรการศึกษา รวมถึงวิจารณ์พิธีกรรมหน้าเสาธงในโรงเรียน และการยกเลิกเกณท์ทหาร
โดย เคยได้รับเลือกตั้งเป็นประธานสภานิสิต จุฬาฯ ในปี 2560 เนติวิทย์และสมาชิกสภานิสิตฯ อีก 7 คนเดินออกจากพิธีของมหาวิทยาลัยจนเป็นข่าวดัง รองอธิการบดีจุฬาฯ สั่งตัดคะแนนความประพฤติ ทำให้เนติวิทย์ขาดโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมหรือลงสมัครในตำแหน่งต่างๆ ของมหาวิทยาลัย และพ้นจากตำแหน่งประธานสภานิสิตฯ นายเนติวิทย์ต่อสู้จนถึงชั้นศาลปกครองจนชนะคดี
สำหรับตำแหน่งนายกองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ ย้อนหลัง 10 ปี ส่วนใหญ่ตกเป็นของนิสิตจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ถึง 7 ปี มีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี 2 ครั้ง และคณะรัฐศาสตร์ 1 ครั้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี