จังหวัดตรัง เป็นอีกจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำเกือบทุกปี โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอเมือง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ ที่มีแม่น้ำตรังไหลผ่าน
แม่น้ำตรัง เป็นแม่น้ำสายสำคัญของจังหวัดตรังมีต้นน้ำมาจากเทือกเขาด้านตะวันตกในเขตอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ไหลผ่าน 5 อำเภอของจังหวัดตรัง ได้แก่ อำเภอรัษฎา อำเภอห้วยยอด อำเภอวังวิเศษ อำเภอเมือง และไหลลงทะเลอันดามันที่ปากน้ำ อำเภอกันตัง รวมระยะทางยาว 123 กิโลเมตร ดังนั้นหากเกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ลุ่มน้ำตรัง โดยเฉพาะในบริเวณต้นน้ำที่ป่าไม้ถูกทำลาย และไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ช่วยชะลอน้ำหลาก ทำให้มวลน้ำจำนวนมากจะไหลบ่าลงสู่แม่น้ำตรังทันที
จากสถิติน้ำหลากในรอบ 25 ปี พบว่า จะมีปริมาณน้ำเฉลี่ยถึง 1,400 ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) ต่อ วินาที ในขณะที่ประสิทธิภาพการรับน้ำของแม่น้ำตรังรับได้เพียง 600 ลบ.ม.ต่อวินาทีเท่านั้น นอกจากนี้บางช่วงของแม่น้ำยังตื้นเขิน และมีการก่อสร้างสิ่งกีดขวางทางน้ำอีกด้วย ดังนั้นในช่วงฤดูน้ำหลากจึงทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่ง เกิดอุทกภัยน้ำท่วมซ้ำซากมาโดยตลอด
ในปี 2554 พระครูปัญญาวัชราภรณ์เจ้าอาวาสวัดนาเมืองเพชร ตำบลนาโต๊ะหมิงอำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง จึงได้มีลิขิตให้นำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ขอพระราชทานโครงการก่อสร้างฝายน้ำล้นและขุดคลองสายใหม่ เพื่อช่วยเหลือราษฎรตำบลนาโต๊ะหมิง และตำบลหนองตรุด อำเภอเมืองตรัง ที่ประสบความเดือดร้อนภัยน้ำท่วมเป็นประจำ
กรมชลประทาน เล็งเห็นความสำคัญในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงได้พิจารณาทบทวนผลการศึกษาเดิมที่เคยศึกษาไว้ก่อนหน้านี้มาจัดทำแผนงานศึกษา “โครงการระบบระบายน้ำแม่น้ำตรัง จังหวัดตรัง” ขึ้นในปีงบประมาณ 2556 ต่อมาในปี 2557 กรมชลประทานได้เริ่มดำเนินการโครงการดังกล่าว โดยเปิดประมูลให้บริษัทเอกชนเป็นผู้ดำเนินการ ก่อสร้างในปี 2559 กำหนดแล้วเสร็จในปี 2562 แต่ปรากฏว่างานล่าช้ามากไม่เป็นไปตามแผน บริษัทเอกชนที่ชนะการประมูลดำเนินงานได้แค่ 22% ของแผนงานเท่านั้น กรมชลประทานจึงได้บอกเลิกสัญญาแล้วมาเป็นงานดำเนินการเองในปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ณ เดือนมีนาคม 2565 มีผลงานความก้าวหน้าสะสมกว่า 70%
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานจะเร่งรัดการก่อสร้าง โครงการระบบระบายน้ำแม่น้ำตรังดังกล่าว ให้แล้วเสร็จภายในปี 2565 นี้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม แม้การก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ แต่ก็สามารถใช้ประโยชน์จากโครงการในการบรรเทาปัญหาน้ำท่วมได้บางส่วนแล้ว
ก่อนหน้านี้ในช่วงปลายปี 2563 อิทธิพลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้เกิดฝนตกหนักและเกิดอุทกภัยขึ้นในหลายจังหวัดภาคใต้ รวมทั้งที่จังหวัดตรัง มีมวลน้ำจำนวนมากไหลลงสู่แม่น้ำตรัง กรมชลประทานได้พิจารณาใช้คลองผันน้ำของโครงการระบบระบายน้ำแม่น้ำตรัง ช่วยในการระบายน้ำ ทำให้อำเภอเมืองตรังรอดพ้นจากอุทกภัยมาได้แล้ว
ในฤดูฝนปี 2564-2565 เช่นเดียวกัน กรมชลประทานสั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในการรองรับภาวะวิกฤตหากมีปริมาณน้ำในแม่น้ำตรังเพิ่มสูงขึ้นจนอาจมีผลกระทบกับพื้นที่เศรษฐกิจและชุมชนเมือง จะใช้คลองผันน้ำและประตูระบายน้ำของโครงการฯที่ดำเนินการแล้วเสร็จช่วยบริหารจัดการมวลน้ำ ซึ่งจะสามารถลดปัญหาน้ำท่วม บรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนชาวตรังได้
โครงการระบบระบายน้ำแม่น้ำตรัง ประกอบด้วยงานสำคัญๆ คือ คลองผันน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำของแม่น้ำตรัง ในเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.ตรัง โดยก่อสร้างคลองผันน้ำความยาว 7.6 กิโลเมตร เริ่มตั้งแต่บริเวณหมู่ที่ 1 บ้านหนองตรุด กม.31+000 ของแม่น้ำตรัง ผ่านหมู่ที่ 2 หมู่ที่ 3 ต.หนองตรุดหมู่ที่ 1 ต.นาโต๊ะหมิง และหมู่ที่ 4 ต.บางรัก สิ้นสุดที่บ้านคลองช้าง หมู่ที่ 4 ต.บางรัก อ.เมือง จ.ตรัง ความกว้างท้องคลอง 102 เมตร ลึก 4.5 เมตร สามารถระบายน้ำได้สูงสุด 750 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เมื่อรวมกับศักยภาพรับน้ำของแม่น้ำตรัง จะสามารถระบายน้ำไม่ให้ท่วมพื้นที่ได้
นอกจากนี้จะมีก่อสร้างประตูระบายน้ำ 2 แห่ง คือ ประตูระบายน้ำบริเวณปากคลองผันน้ำเพื่อใช้ควบคุมและบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก และประตูระบายน้ำบริเวณปลายคลองผันน้ำ เพื่อใช้กักเก็บน้ำในช่วงฤดูแล้งรวมทั้งก่อสร้างอาคารประกอบและอื่นๆ บริเวณแนวคลองผันน้ำ ได้แก่ สะพานรถยนต์ จำนวน 6 แห่ง เพื่อเชื่อมต่อการคมนาคมระหว่าง 2 ฝั่งคลอง อาคารรับน้ำจำนวน 24 แห่ง ตลอดแนวคลองผันน้ำเพื่อรับน้ำจากที่ลุ่มต่ำในพื้นที่ข้างเคียงลงสู่คลองผันน้ำ ช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ ตลอดจนก่อสร้างถนนบนคันคลองทั้ง 2 ฝั่งเพื่อสาธารณประโยชน์ พร้อมจะมีการปรับภูมิทัศน์ให้เป็นสถานที่พักผ่อนและออกกำลังกายอีกด้วย
สำหรับประเด็นมูลดินที่เกิดจากงานขุดคลองผันน้ำ ส่วนใหญ่จะถูกนำมาใช้ในงานดินถมบดอัดแน่นบริเวณคันคลองผันน้ำและบางส่วนจะนำไปถมในที่สาธารณะประโยชน์ ที่เหลือกรมชลประทานก็ได้ดำเนินการขายทอดตลาดและนำเงินที่ได้คืนเป็นรายได้แผ่นดิน
“เมื่อโครงการฯ เสร็จสมบูรณ์ นอกจากช่วยบรรเทาอุทกภัยในเขตพื้นที่ ตำบลหนองตรุด ตำบลนาโต๊ะหมิง และตำบลบางรัก อำเภอเมือง จังหวัดตรังประมาณ 10,525 ไร่ ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว คลองผันน้ำสามารถเก็บกักน้ำได้ 3.2ล้านลบ.ม. ไว้สำหรับการเกษตร การอุปโภคในฤดูแล้ง เป็นแหล่งน้ำดิบช่วยสนับสนุนการผลิตน้ำประปาประมาณ 1.74 ล้านลบ.ม.ต่อปี รวมถึงช่วยผลักดันน้ำเค็ม โดยมีพื้นที่ได้รับประโยชน์ในฤดูฝน 10,000 ไร่ฤดูแล้ง 3,000 ไร่” อธิบดีกรมชลประทานกล่าวในตอนท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี