‘ตรีนุช’เปิดเวทีแจงขับเคลื่อนเฟสแรก 4 มาตรการ ตั้ง 558 สถานี‘แก้หนี้ครู’ทั่วไทย
9 มีนาคม 2565 ที่ห้องประชุมราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานเปิดการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา ระดับจังหวัด โดยมีนายสุทธิชัย จรูญเนตร ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ , นายสุภัทร จำปาทอง ปลัด ศธ. , นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน , นายสุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา , นายสุทิน แก้วพนา รองปลัด ศธ. , ผู้บริหาร ศธ. , รองผู้ว่าราชการจังหวัด , ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย , ธนาคารออมสิน , สหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบ , บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ , นักวิจัยศูนย์ศึกษาการพัฒนาที่ยั่งยืนและเศรษฐกิจพอเพียง สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค 12 เข้าร่วมประชุมสร้างความเข้าใจและร่วมแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างเป็นรูปธรรม มีประสิทธิภาพ ผ่านระบบ VIDEO ZOOM MEETING
น.ส.ตรีนุช กล่าวในการประชุมฯ ว่า ภายใต้นโยบายการบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีความมุ่งมั่นให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตดี โดยประกาศให้ปี 2565 เป็น “ปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน” ซึ่งครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นประชาชนกลุ่มหนึ่งที่มีจำนวนกว่า 9 แสนคน มีหนี้สินรวมกว่า 1.4 ล้านล้านบาท โดย ศธ.ได้ตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาในระดับกระทรวงขึ้น เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยมีนายสุทธิชัย จรูญเนตร ที่ปรึกษา รมว.ศธ.เป็นประธานฯ และวันนี้สามารถเสนอการแก้ไขปัญหาให้ประจักษ์เป็นรูปธรรมได้อย่างชัดเจน
รมว.ศธ.กล่าวต่อว่า แนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูฯ ต้องการลดภาระหนี้โดยรวมของครูให้น้อยลง ให้ครูมีรายได้ต่อเดือนเหลือไม่น้อยกว่า 30% ของเงินเดือน จึงได้กำหนดแนวทางขับเคลื่อนในเฟสแรก เป็น 4 มาตรการ ดังนี้
มาตรการที่ 1 ลดดอกเบี้ย โดยเปิดโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ให้สหกรณ์ออมทรัพย์ครู ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ครูรายใหญ่เข้าร่วม ซึ่งขณะนี้มีสหกรณ์ออมทรัพย์ครู 70 แห่ง จากทั้งหมด 108 แห่ง เข้าร่วมปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงตั้งแต่ 0.05-1.0% และพบว่ามีสหกรณ์ออมทรัพย์ครู 11 แห่ง สามารถปรับลดดอกเบี้ยลงเหลือต่ำกว่า 5% โดยมีครูที่ได้รับประโยชน์ทันทีกว่า 460,000 คน และจะเร่งขยายผลให้ครอบคลุมทั่วประเทศในเฟสถัดไป ซึ่งครูมีหนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 1,000,000 บาท หากอัตราดอกเบี้ยลดลง 1% จะทำให้ครูมีเงินไว้ใช้จ่ายต่อปีเพิ่มขึ้นถึง 10,000 บาท ขณะเดียวกันนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน จะเป็นคนกลางในการประสานขอความร่วมมือกับธนาคารออมสิน เพื่อชะลอการดำเนินคดีทางกฎหมายให้กับกลุ่มครู ซึ่งจะมีครูได้รับประโยชน์กว่า 25,000 คน
มาตรการที่ 2 พิจารณาและควบคุมการอนุมัติเงินกู้อย่างเคร่งครัด โดยยอดหนี้รวมทั้งหมดของผู้กู้ต้องไม่ให้มีหนี้เกินกว่า 70% ของรายได้ เพื่อให้ครูสามารถมีเงินใช้จ่ายได้ 30% ของเงินเดือน เนื่องจากครูมีหนี้หลายด้าน ระบบการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ยังไม่เป็นระบบที่เชื่อมโยง ดังนั้น ศธ.จึงร่วมมือกับบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ในการสร้างระบบเชื่อมโยงหนี้รายบุคคล เพื่อให้ทราบข้อมูลหนี้ของครูเป็นรายคนสำหรับการบริหารจัดการและไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อน โดยทางบริษัทเครดิตบูโรสนับสนุนให้ ศธ. ใช้ระบบได้ฟรี ไม่คิดค่าใช้จ่าย หากตรวจพบว่าครูที่ต้องการกู้เงินเพิ่มเติม มีหนี้รวมมากกว่า 70% ก็จะไม่ได้รับการอนุมัติให้กู้เพิ่มอีก
มาตรการที่ 3 ศธ.ได้จัดตั้งสถานีแก้หนี้ครูฯ ระดับเขตพื้นที่การศึกษาและหน่วยงานทางการศึกษา จำนวน 481 แห่ง และระดับจังหวัด 77 จังหวัด รวมเป็น 558 สถานีทั่วประเทศ โดยดำเนินการในรูปคณะกรรมการ ซึ่งระดับเขตพื้นที่ฯกำหนดให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) หรือ หัวหน้าหน่วยงานทางการศึกษา เป็นประธาน มีอำนาจหน้าที่กำหนดแนวทางแก้หนี้ร่วมกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ส่วนราชการ และสถาบันการเงิน, จัดทำระบบข้อมูล, ปรับปรุง กำหนดมาตรการหักเงินเดือนเพื่อชำระหนี้ , รับลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้สินครูฯ ช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างเจ้าหนี้กับครู และผู้ค้ำประกัน ส่วนสถานีแก้หนี้ครูฯระดับจังหวัด จะมีผู้ว่าราชการจังหวัด หรือ รองผู้ว่าฯ เป็นประธาน กำกับดูแลในภาพรวมของจังหวัด บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นภายในจังหวัด ช่วยเหลือสถานีแก้หนี้ครูตามที่ได้รับการร้องขอ
มาตรการที่ 4 ให้ความรู้ด้านการเงินกับครูฯ โดยประสานงานกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถวางแผนการเงิน และมีระเบียบวินัยในการใช้จ่ายได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น
“ศธ.เปิดให้ครูมาลงทะเบียนแก้ปัญหาหนี้สิน เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้มีครูลงทะเบียนแล้ว 27,427 ราย ถือว่าไม่มากไม่น้อย เพราะเพิ่งจะเริ่มต้น หากเราสามารถทำให้เห็นผลว่าสามารถช่วยเหลือครูได้จริง ตัวเลขก็คงจะทยอยเพิ่มขึ้น ซึ่ง ศธ.จะติดตามผลการช่วยเหลือครูจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูแต่ละแห่งเพื่อให้ทราบภาพรวมว่าได้ช่วยลดหนี้ครูแต่ละคนไปได้เท่าไร ขณะเดียวกัน ศธ.จะเดินหน้าหาแนวทางแก้ไขที่หลากหลาย รวมถึงดำเนินการเกี่ยวกับกฎระเบียบต่างๆ เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดและแบ่งเบาการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูต่อไป” รมว.ศธ. กล่าว
รมว.ศธ. กล่าวด้วยว่า ตนยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกคน และในนามของรัฐบาลขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันขับเคลื่อนโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เกิดผลสัมฤทธิ์ เพื่อร่วมกันยกระดับคุณภาพชีวิตเพื่อนครูด้วยกัน และช่วยลดความกังวล ซึ่งจะส่งผลให้ครูฯสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มีความสุข พัฒนาห้องเรียนให้มีคุณภาพ และสร้างคุณภาพของนักเรียนและเยาวชนของประเทศให้เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพมากขึ้น
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี