นายอำเภอระแงะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเพื่อแก้ปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน หลังจากชาวระแงะเดือดร้อนหนักถูกลอบโค่นต้นทุเรียนเหี้ยนกว่า 500 ต้นโดยไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวชาวบ้านทำกินกันรุ่นต่อรุ่นมากกว่า 300 ปีบนเขาบูโดก่อนที่รัฐจะประกาศเป็นเขตอุทยานฯ วอนภาครัฐมองด้วยความเป็นจริงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับคนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ทำงานอยู่บนเขาที่ถูกรัฐมาจำกัดพื้นที่ทำกิน
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2565 นายกิตติพงษ์ อำพันธ์ นายอำเภอระแงะ และผอ.ศปก.อ.ระแงะ เป็นประธานการประชุมคณะทำงาน เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของราษฎร ในพื้นที่อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินเป็นไปในทิศทางเดียวกัน อีกทั้งเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการกำหนดขอบเขตการใช้ประโยชน์ ที่ดินที่มีอยู่ภายในเขตป่าอนุรักษ์อย่างยั่งยืน โดยมีปลัดอำเภอ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกซีโป ที่ดินอำเภอระแงะ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และส่วนที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมพระยาระแงะ ชั้น 2 ที่ว่าการอำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส
สำหรับการเรียกประชุมโดยเฉพาะในครั้งนี้เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของราษฎร ในพื้นที่อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินเป็นไปในทิศทางเดียวกัน หลังจากก่อนหน้านี้เกิดปัญหาในพื้นที่บ้านกาหนั้วะ ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส กว่า 500 คน สะท้อนปัญหาว่า ต้นทุเรียนของชาวบ้าน อายุ 1-3 ปี จำนวน 500 ต้น บนพื้นที่ 29 ไร่ ถูกโค่นทิ้ง ให้พรรคประชาชาติรับฟัง
นายอาริสมัน มือเลาะ หนึ่งในเจ้าของสวนทุเรียน ที่ถูกโค่น กล่าวว่า วันนี้ต้นทุเรียนของตนและชาวบ้านถูกโค่น กว่า 500 ต้น จากข้อมูลที่รู้และยังมีอีกหลายคนในพื้นที่ ที่โดนโค่นทิ้งเหมือนกัน ของตน 150 ต้น อายุ 1 ปีกว่า เขายังเจาะรูถังน้ำของเราด้วย 3 ถังๆ ละ9 รู เราไม่รู้ว่าใคร แต่เราขอแค่ให้สามารถทำมาหากินได้บ้างก็พอแล้ว ก็อยากเรียนร้องผู้ที่เกี่ยวข้อง
"ส่วนทุเรียนของชาวบ้าน ตั้งอยู่ในสวนผสมที่เป็นพื้นที่ทำกินของชาวบ้านคนอื่นๆ ไม่ได้อยู่ในป่าลึกอะไรเลย แม้หลังพบว่า ต้นทุเรียนที่ปลูกถูกโค่นเราก็ไม่รู้ใครโค่น เพราะไม่เห็น เราไม่ได้ไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากใคร ภาครัฐเองก็ ไม่ได้มาชี้แจงอะไร เรารู้แค่ว่า ที่ดินตรงนั้นไม่มีเอกสารสิทธิ์ เขาจะมาสู้รบกับพวกเราไม่คุ้มหรอกเพราะพวกเราเป็นคนลำบากหาเช้ากินค่ำ ขอความเป็นธรรมหน่อยให้พวกเราได้ทำมาหากินบ้าง"นายอาริสมัน กล่าว
ชาวบ้านอีกราย กล่าวว่า บนเขาบูโดเป็นพื้นที่ทำกินของพี่น้องสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มาหลายร้อยปี ไม่ได้อยู่ในป่าลึก หรือจุดที่เขาห้ามทำลายป่าอะไรเลย มันเป็นจุดที่คนไม่รู้กี่รุ่นแล้วทำมาหากินอยู่ตรงนั้น ก่อนที่จะมีการประกาศเป็นป่าสงวนอีก ชาวบ้านปลูกทุกอย่าง สะตอ ทุเรียน ยาง เป็นชาวบ้านหาเช้ากินค่ำอยู่บนเขานั้นมา เมื่อก่อนเขาไม่จับแต่เดี๋ยวนี้เขาจับหมด ทำมาหากินไม่ได้เลย ชาวบ้านไปดูร้องไห้ทุกคน เห็นทุเรียนถูกโค่น เจ็บปวดแต่ทำอะไรใครไม่ได้ มันก็สวนทางกับนโยบายที่รัฐบาลให้ ศอ.บต.เร่งแก้ปัญหาพื้นที่ทำกินให้ชาวบ้าน ตลอดเวลากว่า 200 ปี ชาวบ้านหลายร้อยคนขึ้นไปกรีดยาง เก็บทุเรียน บนภูเขาลูกนั้น นานกว่าที่เขาจะมาประกาศเป็นเขตอุทยานฯอีก
ขณะที่ชาวบ้านอีกราย กล่าวว่า เราทำมาหากินอยู่ที่นั้นหลายรุ่นมาแล้ว หลายร้อยปี เขามาจากไหนไม่รู้ มาบอกว่าเราทำผิด เหมือนจะไล่ชาวบ้านให้ออกจากพื้นที่ ทั้งที่พวกเราอยู่ที่นี้ มาหลายรุ่นคนแล้ว 300 ปี กว่า หลักฐานมีให้เห็นอย่างชัดเจน แต่รัฐมองไม่เห็น สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ รัฐบาลทำให้ชาวบ้าน เรามีปัญหาอย่างไม่จบสิ้น ปากบอกว่ามีนโยบาย เปิดโต๊ะเจรจา แต่จะแก้ปัญหา สิ่งเหล่านี้ก็ยังเกิดขึ้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับคนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ทำงานอยู่บนเขา ที่ถูกรัฐมาจำกัดพื้นที่ทำกินของพวกเรา
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี