บิ๊กสพฐ.หารือ ผอ.เขตพื้นที่-ผอ.โรงเรียนทั่วประเทศ เตรียมพร้อมรับเปิดเทอม ยืนยันปีนี้ไม่เลื่อนเปิดเทอม
เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2565 นายอัมพร พินะสา เลขขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศ และผู้อำนวยการโรงเรียน ในการเตรียมการก่อนเปิดภาคเรียนในเดือน พ.ค.2565 นี้ ว่า ขณะนี้โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ดำเนินการรับนักเรียนประจำปีการศึกษา 2565 เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งจะมีนักเรียนที่พลาดโอกาสและได้รับโอกาสในการเข้าเรียนในโรงเรียนแข่งขันสูง สำหรับนักเรียนที่พลาดโอกาส ตนได้ขอให้เขตพื้นที่ฯทุกเขต โดยเฉพาะสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) สื่อสารและประกาศชื่อโรงเรียนที่มีนักเรียนยังไม่เต็มตามแผนการรับนักเรียน เพื่อให้ผู้ปกครองพานักเรียนที่พลาดโอกาสมายื่นแสดงความจำนงเพื่อให้เขตพื้นที่หาที่เรียนที่ดีที่สุดให้นักเรียน ทั้งนี้ ยืนยันว่านักเรียนทุกคนต้องมีที่เรียน
นายอัมพร กล่าวต่อว่า ส่วนของการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โดยตนได้เน้นย้ำกับเขตพื้นที่ฯ และโรงเรียนทุกแห่ง ว่าในปีนี้จะไม่มีการเลื่อนเปิดภาคเรียน จะเปิดภาคเรียนตามกำหนดปฏิทินเดิม คือในวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 โดยขอให้โรงเรียนเตรีมความพร้อมจัดการเรียนการสอนในรูปแบบออนไซต์เป็นหลัก และแบบออนไลน์ หรือวิธีอื่น และแบบผสมผสาน ทั้งนี้ เพื่อรองรับสถานการณ์วิกฤตหรือสถานการณ์จำเป็นต่างๆด้วย อย่างไรก็ตาม การจัดการเรียนในรูปแบบออนไซต์ โรงเรียนจะต้องปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัย 6-6-7 ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กำหนด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 พร้อมกับเตรียมอาคารสถานที่สำหรับเรียนออนไซต์อย่างมีประสิทธิภาพ เตรียมครูและสื่ออุปการณ์การเรียนการสอน ให้พร้อมสำหรับการจัดการเรียนการสอนทั้งในรูปแบบออนไซต์ และรูปแบบอื่นๆ ทั้งนี้ ได้มอบมหายให้เขตพื้นที่ฯ ติดตาม ดูแลโรงเรียนที่มีภาวะวิกฤติให้มีความพร้อมในทุกมิติ ทุกด้าน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาวิกฤติหลังเปิดภาคเรียน
นายอัมพร กล่าวต่อว่า แต่ละโรงเรียนมีความพร้อมที่แตกต่างกัน เช่น ความพร้อมด้านสถานที่ ความพร้อมด้านบุคลากร เป็นต้น ดังนั้น เมื่อเขตพื้นที่ฯ พบเจอแล้วต้องให้รีบแก้ปัญหา โดยเฉพาะโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนตำกว่า 120 คน หลายแห่งมีข้าราชการเกษียณอายุ แต่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ไม่คืนอัตราเกษียณให้ จึงทำให้โรงเรียนเหล่านี้ขาดแคลนครู ตนจึงสั่งการให้ เขตพื้นที่ฯ สำรวจโรงเรียนที่มีนักเรียนตั้งแต่ 120 คนขึ้นไป หากพบว่าโรงเรียนมีอัตราครู พอดีเกณฑ์ หรือเกินเกณฑ์ที่กำหนด และมีพนักงานราชการหรือลูกจ้างที่เป็นครูผู้สอนอยู่ในโรงเรียนดังกล่าว ขอให้ เขตพื้นที่ฯ เกลี่ยพนักงานราชการหรือลูกจ้างในโรงเรียนดังกล่าวไปยังโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนต่ำกว่า 120 คน เพื่อชดเชยและแก้ปัญหาขาดแคลนครู ทั้งนี้ เขตพื้นที่ฯต้องประกาศว่าโรงเรียนใดบ้างมีครูต่ำกว่าเกณฑ์ และมีโรงเรียนใดบ้างที่มีครูเกินเกณฑ์ที่กำหนด ถ้าครูที่อยู่ในโรงเรียนเกินเกณฑ์ ประสงค์จะไปสอนในโรงเรียนที่มีครูต่ำกว่าเกณฑ์ ให้เขตพื้นที่ฯนำเสอนให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) พิจารณาเกลี่ยอัตราได้ตลอดเวลา พร้อมกับทำแผนพัฒนาโรงเรียนคุณภาพเพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาวต่อไป
"นอกจากนี้ ผมเน้นย้ำให้เขตพื้นที่ฯ ดำเนินการตามนโยบาย ของ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ในโครงการพาน้องกลับมาเรียน โดยย้ำว่าจะต้องติดตามหาน้องให้จบภายในเดือนเมษายน และภายในวันที่ 30 เมษายนนี้ นักเรียนทุกคนต้องได้กลับเข้ามาเรียน ไม่ว่าจะให้กลับมาเรียนโรงเรียนเดิม โรงเรียนศึกษาพิเศษ โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ หรือส่งต่อไปเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) เป็นต้น โดยจะส่งต่อนักเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่ประสานไว้ ภายวันที่ 1 - 15 พฤษาคม นี้ ซึ่งการพาน้องกลับเข้าเรียนไม่ได้มีเป้าหมายแค่นักเรียนระดับภาคบังคับเท่านั้น แต่มีเป้าหมายครอบคลุมตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยให้เด็กได้เรียนจบอย่างมีคุณภาพ สามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยโครงการนี้ ต้องการทำให้เห็นว่าการศึกษาเป็นเครื่องมือเดียวที่จะเปลี่ยนความยากจน และความด้อยโอกาส ให้มีชีวิตที่ดีขึ้นผ่านกลไกทางการศึกษา นอกจากจะตามตัวเด็กเข้าระบบการศึกษาแล้ว เขตพื้นที่ฯ ต้องหาทางป้องกันไม่ให้เด็กหลุดออกจากระบบการศึกษาอีกต่อไปด้วย" นายอัมมพร กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี