ตำรวจภาค 3 รวบแก๊ง "หลอกรักทางออนไลน์" ด้วยการแอบอ้างเป็นชาวต่างชาติผิวสีหลอกให้ผู้เสียหายที่เป็นหญิงไทยหลงรักด้วยการติดต่อกันตามช่องทางโลกออนไลน์ก่อนใช้อุบายหลอกตุ๋นเงิน มีผู้ตกเป็นเหยื่อนับร้อยรายสูญเงินกว่า 120 ล้าน หญิงสาว 1 ในผู้ต้องหาสารภาพ มีผู้ร่วมขบวนการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
วันนี้ (8 เม.ย.65) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่บริเวณหน้าสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมแก๊งหลอกรักทางออนไลน์ได้ผู้ต้องหา 6 คน
ประกอบด้วย น.ส.สถาพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี นายสุทิน (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี นายศรนรินทร์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี นายอาทิตย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี น.ส.สมาน (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี และนายพงศธร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน พร้อมยึดของกลางเป็นเงินสดกว่า 5 แสนบาท บัตรเอทีเอ็มของธนาคารต่างๆ หลายใบ แท็ปเล็ต และโทรศัพท์มือถือหลายเครื่อง รวมทั้งรถยนต์ 1 คัน และรถจักรยานยนต์อีก 2 คัน
โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมากเกี่ยวกับการที่หญิงสาวผู้เสียหายหลายรายถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกให้หลงเชื่อด้วยการปลอมแอบอ้างเป็นชาวต่างชาติผิวสีเพื่อหลอกให้ผู้เสียหายหลงรัก โดยติดต่อกันตามช่องทางโลกออนไลน์และใช้อุบายว่าจะส่งเงินทองหรือสิ่งของมีค่ามาให้ผู้เสียหาย แต่ติดปัญหาในการส่งสิ่งของหรือการเดินทางมาพบกัน โดยให้ผู้เสียหายช่วยเหลือโอนเงินไปให้เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ซึ่งเหยื่อผู้เสียหายกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่จะเป็นหญิงไทยอายุมาก รวมไปถึงชายไทยบางส่วนที่ต้องการมีสามีหรือภรรยาเป็นชาวต่างชาติ
จากการสืบสวนรวบรวมหลักฐานพบว่ามีหญิงสาวผู้เสียหายชาวไทยถูกหลอกลวงเป็นจำนวนหลายร้อยราย และมีผู้เสียหายอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้เข้าแจ้งความ โดยกลุ่มมิจฉาชีพแก็งนี้มีพฤติกรรมหลอกลวงเหยื่อมานานกว่า 4 ปีแล้วรวมมูลค่าความเสียหายมากกว่า 120 ล้านบาท
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า กลุ่มมิจฉาชีพแก็งนี้จะแบ่งหน้าที่กันทำงาน โดยมีกลุ่มชายชาวต่างชาติผิวสีติดต่อหลอกลวงเหยื่อที่เป็นหญิงสาวชาวไทย ผ่านทางช่องทางออนไลน์ทั้งเฟซบุ๊ก และไลน์ โดยชายต่างชาติจะพูดคุยหลอกล่อเหยื่อให้โอนเงินไปให้เพื่อแก้ไขปัญหาในการส่งสิ่งของ โดยให้เหยื่อโอนเงินไปให้ในบัญชีธนาคารของผู้ที่รับจ้างเปิดบัญชี จากนั้นจะมีไปผู้ทำหน้าที่ไปกดเงินออกจากตู้เอทีเอ็มและโอนเงินต่อไปให้ น.ส.สถาพร เพื่อทำหน้าที่แบ่งเงินที่หลอกเหยื่อมาได้ไปให้กับผู้ร่วมขบวนการ
น.ส.สถาพร หนึ่งในผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ปัจจุบันตนไม่ได้ประกอบอาชีพใดเป็นหลักแหล่ง แต่มีรายได้จากการหลอกลวงผู้อื่นโดยเมื่อประมาณปี 2560 ได้เดินทางไปทำงานที่มาเลเซีย และได้รู้จักกับชายชาวต่างชาติ ซึ่งจะมีกลุ่มผู้หลอกลวงผู้เสียหาย ตนจึงตกลงเข้าร่วมขบวนการและตนมีหน้าที่จัดหาบัญชีในการโอนเงิน และหาคนทำหน้าที่กดเงิน ซึ่งเมื่อได้เงินจากการหลอกเหยื่อมาแล้ว ตนก็จะทำหน้าที่แบ่งเงินส่วนต่างๆ และโอนเงินต่อไปให้กับผู้ร่วมขบวนการซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี