วันที่ 26 เม.ย.65 ภายในห้องประชุมเพชรสมุย เทศบาบนครเกาะสมุย อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี คณะกรรมาธิการคมนาคมนำโดยพลเอกยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม พร้อมด้วยคณะกรรมาธิการได้ลงพื้นที่อำเภอเกาะสมุย เพื่อรับฟังปัญหาร่องน้ำของชาวประมงพื้นบ้าน และการติดตามความพร้อมในการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญบริเวณแหลมหินคม ตำบลตลิ่งงาม อำเภอเกาะสมุย โดยมีนายประเวศน์ ไทยประยูร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษร์ธานี นายชยพล อินทรสุภา นายอำเภอเกาะสมุย นายรามเนตร ใจกว้าง นายกเทศมนตรีนครเกาะสมุย พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้ให้การต้แนรับพร้อมชี้แจงข้อมูลการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญ
สำหรับการเตรียมความพร้อมการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญนั้นได้มีการกำหนดพื้นที่บริเวณแหลมหินคม ตำบลตลิ่งงาม อำเภอเกาะสมุย จะต้องใช้งบประมาณจำนวน 16,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีขีดความสามารถรองรับเรือสำราญได้ขนาด 160,000 ตันกรอส ความยาวของท่าเทียบเรือ 340 เมตรลึก 10 เมตร มีขีดความสามารถรับนักท่องเที่ยวได้ถึง 500,000 คนต่อปี สามารถสร้างรายได้ให้ประเทศต่อปีกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้การท่องเที่ยวสร้างรายได้เข้าประเทศ
จากนั้นคณะกรรมการธิการคมนาคมได้เดินทางลงพื้นที่ท่าเรือเก่าเพื่อดูสถานที่จริง เพื่อเปรียบเทียบจุดที่จะก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญบริเวณแหลมหินคม กับจุดใหม่บริเวณท่าเรือเก่า ซึ่งคณะกรรมาธิการบางคนมีความเห็นว่าการกำหนดให้บริเวณแหลมหินคมเป็นจุดที่ก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญนั้นอยู่ใกล้กับโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งซึ่งอาจเป็นการเอื้อประโยชน์กัน ที่สำคัญการใช้เงินลงทุนที่มากอาจจะไม่คุ้มทุนกับจำนวนเรือสำราญที่จะเข้าเทียบท่า ข้อคิดเห็นดังกล่าวของคณะกรรมาธิการคมนาคมนั้นไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงในพื้นที่ เนื่องจากตลาดท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และปลายปีนี้บรรดาเรือสำราญทั่วโลกจะกลับมาให้บริการเช่นเดิมหลังจากผ่านพ้นวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19
ในเรื่องนี้นายรามเนตร ใจกว้าง นายกเทศมนตรีนครเกาะสมุย ได้ชี้แจงถึงการเตรียมความพร้อมในพื้นที่สำหรับแผนการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญว่า เทศบาลนครเกาะสมุยได้ให้ความสำคัญกับการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญอย่างมาก เนื่องจากเกาะสมุยเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ติดระดับโลก ซึ่งในแต่ละปีเกาะสมุยมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวมากถึง 2.4 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศปีละกว่า 40,000ล้านบาท การที่เกาะสมุยได้รับการพิจารณาให้เป็นสถานที่ก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญบริเวณอ่าวไทยถือเป็นเรื่องที่ดีกับประเทศไทยและเกาะสมุยอย่างมาก
เนื่องจากจะเป็นการเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวให้กับเกาะสมุย ซึ่งในแต่ละปีเกาะสมุยมีเรือสำราญขนาดใหญ่กว่า 70 ลำนำนักท่องเที่ยวหลายหมื่นคนมาจอดทอดสมอในทะเลเพื่อนำนักท่องเที่ยวขึ้นเที่ยวเกาะสมุยด้วยเรือขนาดเล็ก โดยได้นำนักท่องเที่ยวหลายหมื่นคนเข้าเกาะสมุยทำให้มีเม็ดเงินสะพัดในพื้นที่มหาศาล การสร้างท่าเทียบเรือสำราญที่เกาะสมุยจึงเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้เกาะสมุยมีความสามารถในการแข่งขันกับแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ของประเทศเพื่อนบ้าน ตนเองและชาวเกาะสมุยจึงเห็นด้วยที่จะมีการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขึ้นในครั้งนี้ เพราะจะสามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชน ธุรกิจท่องเที่ยวรวมถึงมีการสร้างงาน สุดท้ายคือผลประโยชน์ของประเทศไทยที่จะมีรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี