เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2565 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) แถลงผลการดำเนินงานในรอบ 1 ปี ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยมี น.ส.อรพินทร์ เพชรทัต เลขานุการ รมว.ศธ.และคณะผู้บริหาร ศธ.เข้าร่วมงาน "Education we can TRUST" ณ ลานครู หน้าอาคาร สพฐ.1 กระทรวงศึกษาธิการ
โดย น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า 1 ปีที่ผ่านมา ตนได้น้อมนำพระราโชบายด้านการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ความว่า "การศึกษาต้องสร้างให้คนไทยมีคุณสมบัติ 4 ประการ คือ 1.มีทัศนคติที่ดีและถูกต้อง 2.มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคงเข้มแข็ง 3.มีอาชีพ มีงานทำ และ 4.เป็นพลเมืองดี มีระเบียบวินัย" เป็นแนวทางสู่การปฏิบัติที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ.2561 - 2580) ตอบโจทย์สำคัญด้านคุณภาพการเรียนการสอน ครู บุคลากรทางการศึกษา และประชาชนทุกคน
ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 การทำงานบนโจทย์ที่ท้าทาย ศธ.มุ่งมั่นการทำงานที่รวมใจบุคลากรในสังกัด ศธ.ให้เป็นหนึ่งเดียว หรือทีมกระทรวงศึกษาธิการ (MOE One team) เพื่อร่วมผลักดันคุณภาพการศึกษาไทย "เราจะต้องร่วมกันสร้างความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ หรือ TRUST ให้กับสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กและผู้ปกครอง ว่าเราสามารถ เป็นหลัก หรือที่พึ่งให้แก่พวกเขาได้" พร้อมสนับสนุนผู้ปฏิบัติงานทุกระดับ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของภาคการศึกษาต่อการพัฒนาประเทศในทุกมิติมิติ
โดยมิติเพื่อผู้เรียน For Learners ศธ.ให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยในสถานศึกษาเป็นอันดับหนึ่ง โดย ศธ.สร้างการตื่นตัวในเรื่องความปลอดภัยภายใต้ศูนย์ "MOE Safety Center" เพื่อเป็นช่องทางให้ผู้ปกครองและน้องๆแจ้งปัญหาเข้ามาได้ตลอดเวลาเพื่อให้ปัญหาได้รับการแก้ไขโดยเร็ว ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาแก่เด็ก เยาวชน และประชาชน ภายใต้โครงการ "พาน้องกลับมาเรียน" เพื่อค้นหาติดตามเด็กตกหล่น และออกกลางคัน ให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา และมีโครงการ "อาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ" เพื่อให้ผู้เรียนที่ขาดโอกาส ได้เรียนฟรี มีที่พักมาตรฐาน ส่วนเด็กด้อยโอกาสและผู้มีความจำเป็นพิเศษ ให้ได้รับโอกาสเข้าถึงบริการทางการศึกษาจากการจัดตั้ง "ศูนย์การเรียนสำหรับเด็กในโรงพยาบาลทั่วประเทศ"
มิติเพื่อคุณภาพการการเรียนการสอน FOR QUALITY TEACHING ศธ.ได้จัดทำ "หลักสูตรฐานสมรรถนะ การศึกษาขั้นพื้นฐาน" เน้นสมรรถนะหลักที่สำคัญสำหรับเด็ก 6 ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยหลักสูตร "Active Learning" ซึ่งเป็นการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริง โดยผู้เรียนเปลี่ยนบทบาทจากผู้รับความรู้ ไปสู่การมีส่วนร่วมในการสร้างความรู้
นอกจากนี้ ยังเน้นการพัฒนาทักษะอาชีพของผู้เรียน โดยจัดตั้ง "ศูนย์พัฒนาอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการ กระทรวงศึกษาธิการ ประจำจังหวัด" และ "ศูนย์ความเป็นเลิศทางการอาชีวศึกษา" ตามความเป็นเลิศของแต่ละสถานศึกษา และตามบริบทเชิงพื้นที่ อีกแนวทางที่สำคัญ คือ โครงการ "โรงเรียนคุณภาพ" ซึ่งต่อยอดจากโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล โรงเรียนคุณภาพของชุมชน โรงเรียนมัธยมดีสี่มุมเมือง และโรงเรียน ที่สามารถดำรงอยู่ได้อย่างมีคุณภาพ เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ มีความหลากหลาย รองรับศักยภาพของผู้เรียนที่แตกต่างกัน
สำหรับมิติเพื่อชุมชนและสังคม FOR THE BENEFIT OF COMMUNITY & SOCIETY ศธ.ให้ความสำคัญกับ "การศึกษาตลอดชีวิต" ให้แก่ประชาชนทุกช่วงวัย อย่างมีคุณภาพและได้มาตรฐาน เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับประชาชนในการเข้าสู่สังคมสูงวัย จัดการฝึกอบรมและทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สำหรับนักศึกษาอาชีวศึกษา เพื่อเพิ่มทักษะ ส่งเสริมการมีงานทำ แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานคุณภาพทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ สร้างความยั่งยืนในท้องถิ่น ทั้งการพึ่งพาตนเอง ความกตัญญู การพัฒนาจิตใจ การพัฒนาทางปัญญา ด้วย "อารยเกษตร" เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาสมรรถนะเยาวชนให้เป็นอารยเยาวชนไทย ด้านการช่วยเหลือประชาชน ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเทศกาลสำคัญ ภายใต้โครงการ "ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน" จาก 100 ศูนย์ Fix it Center ทั่วไทย ออกให้บริการซ่อมถึงบ้านฟรี สามารถใช้บริการผ่านแอปพลิเคชัน "ช่างพันธุ์ R อาชีวะซ่อมทั่วไทย" ที่สำคัญได้ผลักดันร่างกฎหมายที่สำคัญของการศึกษาไทย คือ ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. .... ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า สำหรับมิติเพื่อครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญ เมื่อเข้ามาก็ทราบปัญหาเรื่องหนี้สินครูทั้งระบบที่สะสมรวมกว่า 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้ครูมีความกังวล ตนจึงได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อเร่งแก้ปัญหา "หนี้สินครู" โดยใช้สหกรณ์ออมทรัพย์ครู กว่า 70 แห่ง ในการลดดอกเบี้ยให้กับครู เบื้องต้นสามารถช่วยเหลือครูได้กว่า 2 แสนคน เป็นการส่งเงินคืนกลับเข้ากระเป๋าคุณครูกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนเฉพาะหน้าให้กับครู และจะเจรจากับธนาคารพาณิชย์ต่างๆ เพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้ครูให้ครูมีเงินเดือนเหลือไว้ใช้จ่าย 30% ในการดำเนินชีวิต
และ ศธ.ได้กำหนดโมเดล "การแก้ไขปัญหาบ้านพักครูทั้งระบบ" สร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ครู เพื่อความปลอดภัยและลดภาระค่าใช้จ่าย ในขณะเดียวกัน ในด้านการพัฒนา มีโครงการอบรมพัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีพื้นที่ในการเรียนรู้ ทักษะในการจัดการเรียนรู้ที่จำเป็น โดยเฉพาะทักษะการจัดการเรียนการสอนรูปแบบ "New Normal" กาาอบรมด้านดิจิทัล เพื่อให้ครูสามารถสอนเด็กผ่านสื่อออนไลน์ในช่วงวิกฤติ ผ่านหลักสูตร "ตลาดนัดการเรียนรู้ออนไลน์วังจันทรเกษม" อีกทั้งยังได้ใช้กลไกการรับฟังความคิดเห็น มาประกอบการดำเนินงาน เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา เช่น ปรับเกณฑ์ประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาใหม่ทั้ง 4 สายงาน โดยกำหนดให้ทำ "ข้อตกลงในการพัฒนางาน หรือเกณฑ์ PA" รวมทั้งเร่งรัดการจ่ายเงินเยียวยาให้กับครอบครัวครูชายแดนใต้ที่เสียชีวิตจากเหตุการไม่สงบ ย้อนหลังนับตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา จำนวน 183 ราย รายละไม่เกิน 4 ล้านบาท เพื่อเป็นนขวัญกำลังใจให้กับครูที่เสียสระเพื่อการศึกษา
นอกจากนี้ ในปีการศึกษา 2564 ที่ผ่านมารัฐบาลได้ให้ความช่วยเหลือด้านภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา เพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้ปกครอง นักเรียน และนักศึกษาด้วย "เงินเยียวยาคนละ 2,000 บาท" ได้รับถึงมือแล้วกว่า 11 ล้านคน พร้อมทั้ง "สนับสนุนผู้เรียนสายอาชีพ" โดยปรับอัตราค่าเครื่องมือประจำตัวผู้เรียนอาชีวศึกษาต่อคน เพื่อให้ได้พัฒนาทักษะฝีมือให้เต็มศักยภาพ ฝึกประสบการณ์อาชีพได้อย่างเต็มที่ ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง สร้างแรงจูงใจให้มีการเรียนต่อเพิ่มมากขึ้น และในปีการศึกษา 2565 นี้ ศธ.ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อให้สถานศึกษาเปิดเรียนแบบอนนไซต์อย่างปลอดภัย ขณะเดียวกันได้เร่งสำรวจข้อมูลและดำเนินการให้ครู บุคลากร และผู้เรียนทุกคนตั้งแต่อายุ 5 ปีขึ้นไป ให้ได้เข้ารับการฉีด "วัคซีน COVID-19" ซึ่ง ศธ.จะจัดแถลงข่าวความพร้อมเปิดเทอม ก่อนเปิดเทอม พ.ค.นี้
น.ส.ตรีนุช กล่าวด้วยว่า จากการเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการบริหารองค์การยูเนสโก ครั้งที่ 214 (The 214th Session of the Executive Board) ณ องค์การยูเนสโก สำนักงานใหญ่ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ตนได้กล่าวถ้อยแถลงซึ่งที่ประชุมก็ให้ความสำคัญกับโครงการ "พาน้องกลับมาเรียน" ที่ ศธ.ดำเนินการได้เป็นอย่างดี รวมถึงโครงการ "อาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ" และศูนย์ Fix it Center ทั่วไทย เพื่อให้บริการประชาชนและผู้เรียนได้ปฏิบัติจริง
รมว.ศธ.กล่าวว่า การทำงานด้านการศึกษากว่าจะเห็นผลงานได้นั้นต้องใช้ระยะเวลา ดังนั้น การดำเนินโครงการ "พาน้องกลับมาเรียน" และโครงการ "อาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ" เพืาอสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับน้องๆ ได้เข้ามาสู้ระบบการศึกษาให้ได้เต็ม 100%
"พลังในการจัดการศึกษาแห่งอนาคต ดิฉันเห็นว่าย่อมไม่เป็นของครูผู้สอน บุคคล หรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง หากแต่จะเป็นพลังร่วมกันในการขับเคลื่อนการศึกษา ด้วยการมีส่วนร่วมของชุมชน สังคม หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เข้ามาช่วยเติมเต็ม สร้างความมั่นคง เสริมความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ เพิ่มโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ศธ.มุ่งมั่นบริหารจัดการศึกษา ให้ทุกภาคส่วนร่วมใจสร้างผู้เรียนที่ดีขึ้น เพื่ออนาคตที่ดีกว่า "Better Learners for Better Future" ได้จริงอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมสานต่อโครงการที่เกิดประโยชน์ เติมเต็มการขับเคลื่อนงานตามนโยบาย ให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงในปี 2565 เพื่อให้การศึกษาไทยเป็นรากฐานแห่งการพัฒนาในทุกมิติ นำไปสู่การยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยอย่างแท้จริง" รมว.ศธ.กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี