‘นายกสมาคมประมงสงขลา’ ระบุราคาน้ำมัน‘ดีเซล’พุ่ง เรือประมงสงขลาแบกภาระต้นทุนไม่ไหว จอดไปแล้ว 80% ที่เหลือกัดฟันหันไปพึ่ง‘น้ำมันเถื่อน’ช่วยต่อชีวิต
6 พฤษภาคม 2565 นายสุรเดช นิลอุบล นายกสมาคมประมง จ.สงขลา เปิดเผยว่า เมื่อรัฐบาลปล่อยให้ราคาน้ำมันดีเซลลอยตัว ส่งผลให้เรือประมงต้องแบกภาระต้นทุนเพิ่ม ขณะที่ปลาจับได้ปริมาณเท่าเดิม ราคาขายเท่าเดิม เรือประมงในสังกัดสมาคมประมงสงขลา 80% จากเรือประมง 500 กว่าลำ ต้องหยุดทำการประมงเพราะสู้กับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไม่ไหว ส่วนเรือประมงที่ยังไม่ยอมหยุดทำการประมงประมาณ 20% ต้องจำใจเติมน้ำมันเถื่อนที่มีราคาถูกกว่าน้ำมันเขียวลิตรละ 6 บาท คุณภาพดีกว่าและเครดิต 7 วัน แถมไม่ต้องวิ่งออกไปเติมน้ำมันไกลด้วย
“หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 เดือน คาดว่าชาวประมงจะหยุดทำการประมงอีก 10% ผู้บริโภคจะได้บริโภคปลาจากมาเลเซียและเมียนมา ซึ่งมีต้นทุนต่ำในราคาขายแพง” นายสุรเดช กล่าว
นายสุรเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้าพูดกันตามตรงแล้วน้ำมันจะเป็นปัจจัยหลักซึ่งเป็นต้นทุนระดับต้นๆ ส่วนค่าแรงงานเป็นต้นทุนระดับที่ 2 เมื่อปัจจัยหลักเรื่องน้ำมันเข้ามามีผลกระทบ มันก็ต้องมีผลกระทบมากในระยะนี้ สำหรับเรือประมงที่มีสายป่านสั้นก็ต้องจอดกันไป ณ ปัจจุบันนี้ตนคิดว่าน่าจะจอดเพิ่มขึ้นอีก 40% วันนี้ประมงในเขต จ.สงขลา ทั้งหมดจอดไปแล้วประมาณ 80% เนื่องจากแบกภาระต้นทุนในเรื่องค่าน้ำมันไม่ไหว สัตว์น้ำยังคงได้ปริมาณที่เท่าเดิม ราคาขายก็เท่าเดิม แต่ต้นทุนที่สูงขึ้น ถ้าราคาขายมีราคาที่สูงขึ้นตามแนวผู้บริโภคตามท้องตลาดทั่วไปก็อยู่ได้ แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าในเมื่อราคาขายยังเท่าเดิม แต่ต้นทุนกลับสูงขึ้น ภาพสะท้อนมันออกมาว่าการทำธุรกิจมันไปต่อไม่ได้ยิ่งฝืนไปมันก็จะยิ่งเจ็บตัวหนัก
“เพราะฉะนั้นการที่จะเจ็บตัวน้อยก็ต้องจอดเรือ พอจอดเรือแล้ว ผมให้คำแนะนำบอกว่าอย่าไปกังวลเรื่องเมื่อเรือจะออกแล้วจะไม่มีลูกน้องเรือมาทำงาน ในเมื่อตั้งใจจะจอดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นระยะสั้นหรือระยะยาวจะต้องเกลี่ยคนงานออกให้หมด คือต้องอยู่ในสภาพการเลิกจ้างทันที เมื่อไรก็ตามที่คุณจอดเรือคุณคิดแค่จะตัดภาระแค่น้ำมัน แต่คุณยังรับภาระปัจจัยรองคือต้นทุนค่าแรงงาน มันก็ไม่แตกต่างอะไรเลย และเมื่อนึกจะจอดเรือแล้วต้องตัดให้หมด ต้องลดภาระการจ้างแรงงานด้วย มันก็จะเกิดภาวะตกงานในระบบการทำงานในเรือประมง” นายสุรเดช กล่าว
นายสุรเดช กล่าวอีกว่า ทุกวันนี้เรามามองว่า สำหรับเรือที่ออกไปทำการประมงอยู่ทุกวันนี้ จะเป็นเรือที่น้ำมันจะใช้ไม่มาก จะเป็นเรือที่หาปลากลางน้ำ เขาจะใช้วิธีวิ่งไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้โหมหนักในระบบเครื่องยนต์เพราะฉะนั้นน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นจะอยู่ในภาวะที่เขารับได้ ถึงแม้ว่าจะขาดทุนก็ขาดทุนไม่มากยังพอมีเงินเข้ามาหมุนสำหรับคนที่มีเรือหลายลำได้บ้าง แต่ถ้าคนมีเรือแค่ลำเดียวก็ต้องจอดสนิทเลย เพราะฉะนั้นทางออกในภาวะน้ำมันแพงและราคาสินค้ายังเท่าเดิมต้นทุนอย่างอื่นเพิ่มขึ้นก็คือต้องจอดแต่ถ้าคุณออกไปก็ต้องไปหาน้ำมันประเภทอื่น ถ้าคุณไปลงน้ำมันเขียวตอนนี้น้ำมันเขียวกับน้ำมันบนฝั่งตอนนี้ราคามันก็ไม่แตกต่างกันเลย
“อีกทางเลือกหนึ่งก็คือว่าอันนี้สุดแล้วแต่ในเมืองไทยผมพูดแบบไม่อายเลย คุณอาจจะไปหาน้ำมันนอกระบบซึ่งเป็นน้ำมันเรื่องการเสียภาษีที่มีอยู่ทั่วไป เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในช่วงนี้ ต้องรู้และอยากจะสื่อถึงภาครัฐว่าคนเราต้องทำงานคนเรามันต้องทำงานถึงจะมีเงินเข้ามาดำรงชีพ สำหรับการมีค่าใช้จ่ายหนี้ค่าครัวเรือนอีก 2 อาทิตย์โรงเรียนก็จะเปิดเทอมแล้ว ค่าใช้จ่ายมันจะมีมากขึ้นเท่าไหร่ ถ้าคนไม่ทำงานแล้ว มุ่งแต่จะคอยการอุดหนุนจากภาครัฐเท่าไหร่ก็ไม่พอ เพราะฉะนั้น เราต้องทำใจว่า ประเทศไทยทุกวันนี้อุตสาหกรรมการประมงไม่ได้รับการส่งเสริมเท่าที่ควร จะมีแต่กฎหมายที่พร้อมจะเล่นงานชาวเรือประมงได้ทุกวัน ก็ฝากถึงรัฐบาลด้วย” นายสุรเดช กล่าว
-005