พนักงานสอบสวน สภ.ละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ เร่งรวบรวมหลักฐานสรุปสำนวนคดี​เสี่ยเจ้าของรีสอร์ท​บังคับเด็กสาว ม.3 ขายบริการขัดดอกส่งอัยการจังหวัด พร้อมขยายผลสอบเอาผิดคนซื้อบริการด้วย เด็กสาวเผย "มีลูกค้าซื้อบริการ 2 คนเป็นชาย​อายุ 35 ปีและอายุ 65 ปี" ล่าสุดทนายทำเรื่องยื่นประกันตัวเสี่ยชั้นอุทธรณ์แล้ว 

ความคืบหน้ากรณีที่นางน้อย (นามสมมติ) อายุ 44 ปี ได้พา น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ลูกบุญธรรม ซึ่งขณะเกิดเหตุเรียนอยู่ชั้น ม.3 ใน​อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ และแจ้งความร้องทุกข์ โดยอ้างว่า​ น้อง ถูกเสี่ยเจ้าของรีสอร์ทแห่งหนึ่งบังคับให้ขายบริการให้กับแขกที่เข้ามาพักในรีสอร์ทของตัวเอง เพื่อขัดดอกหลังจากที่น้องไปยืมเงินเสี่ยรวม 6,300 บาทเพื่อนำไปเป็นค่ารักษาย่าวัย 70 ปี​ที่ป่วย พอเด็กไม่ยอมไปรับแขกตามที่สั่งเสี่ยก็จะขู่ว่าจะแจ้งความที่ยืมเงินแล้วไม่จ่ายทั้งจะประจานให้อับอาย น้องผู้เสียหายจึงจำใจต้องทำโดยไปรับแขกตามที่เสี่ยเจ้าของรีสอร์ทสั่งทั้งหมด 4 ครั้งจนเด็กทนไม่ไหวแล้วอยากจะหยุดแต่ก็ถูกขู่ไม่มีใครช่วยได้

กระทั่งช่วงบ่ายวันที่ 28 เม.ย.65 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ละหานทราย ได้นำหมายจับศาลจังหวัดนางรอง เข้าทำการจับกุมนายวีรวงศ์ หรือเฮียนัย เจ้าของรีสอร์ทในฐานความผิด 4 ข้อหา ประกอบด้วย "กระทำอนาจารบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, พยายามข่มขืนกระทำชำเราบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน เพื่อสนองความใคร่ผู้อื่น, เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไป ซึ่งบุคคลใดเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม และกระทำความผิดฐาน "ค้ามนุษย์" 

ต่อมาวันที่ 29 เม.ย.65 ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้ทำเรื่องฝากขังต่อศาลจังหวัดนางรอง ซึ่งศาลไม่อนุญาตให้ประกันเนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาเข้าเรือนจำนางรอง 

ล่าสุดวันนี้ (6 พ.ค.65) พนักงานสอบสวน สภ.ละหานทราย อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน​เพื่อสรุปสำนวนส่งอัยการจังหวัดนางรอง ส่วนที่เด็กให้การว่ามีลูกค้าซื้อบริการ 2 คนนั้นตอนนี้ก็รู้ตัวแล้วเป็นชาย​อายุ 35 ปี และอายุ 65 ปี ซึ่งจะร่วมกับทีมสหวิชาชีพในการสอบปากคำเด็กเกี่ยวกับกรณีนี้เพิ่มเติม พร้อมทั้งให้เด็กชี้ตัวตามภาพถ่ายเพื่อยืนยันตัวบุคคลด้วย จากนั้นจะมีการเรียกตัวบุคคลที่ถูกพาดพิงถึงว่าซื้อบริการเด็ก มาสอบปากคำตามกระบวนการขั้นตอน ซึ่งหากมีพยานหลักฐานชี้ชัดว่าได้ซื้อบริการเด็กจริง ก็จะมีความผิดฐาน "พรากเด็กไปเพื่อการอนาจาร" ซึ่งขณะนี้ตัวเด็กถูกส่งไปอยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กที่ จ.นครราชสีมา

ส่วนเจ้าของรีสอร์ทที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวทราบว่าทนายความพร้อมญาติได้ทำเรื่องยื่นขอประกันตัวในชั้นอุทธรณ์ที่ศาลจังหวัด​เพื่อสู้คดีตามกระบวนการ และศาลได้อนุญาตให้ประกันตัวแล้ว - 003