ริบทรัพย์มาเฟียแคนาดา

เจ้าของเว็บไซต์อัลฟาเบย์

ทั้งรถหรู-บ้าน-เงินดิจิทัล

มูลค่ารวมกว่า1.6พันล้าน

ศาลสั่งริบทรัพย์มาเฟียแคนาดา อาชญากรข้ามชาติเจ้าของเว็บไซต์ตลาดมืดอัลฟ่าเบย์ เครือข่ายใหญ่ที่สุดในโลก มูลค่ากว่า 1,600 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน ทั้งรถหรู บ้านพัก เงินสด เงินสกุลดิจิทัล คดีจบหลังมาเฟียฆ่าตัวตายในเรือนจำ

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม นายจุมพล พันธุ์สัมฤทธิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานต่างประเทศและนายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ร่วมกันเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา ศาลอาญาตลิ่งชันได้มีคำพิพากษาให้ริบทรัพย์ของนายอเล็กซานเดอร์ แคส สัญชาติแคนาดากับพวก เจ้าของเว็บไซต์ตลาดมืดอัลฟ่าเบย์(AlplaBay) ตามคำร้องขอของพนักงานอัยการ มูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 413 ล้านบาท ดังรายละเอียดดังนี้ 1.รถยนต์แลมโบกินี่ อเวนทาดอร์ มูลค่าประมาณ 45 ล้านบาท 2.รถยนต์ปอร์เช่ พานาเมอรา มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท 3.รถยนต์มินิคูเปอร์มูลค่า 3 ล้านบาท 4.รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์บีเอ็ม ดับเบิ้ลยูมูลค่า 1 ล้านบาท 5.บ้านเดี่ยว ย่านปิ่นเกล้า-เพชรเกษมมูลค่า 100 ล้านบาท 6.บ้านเดี่ยว ย่านพุทธมณฑลสาย3มูลค่า 8 ล้านบาท 7.บ้านพักตากอากาศ จ.ภูเก็ตมูลค่า 200 ล้านบาท 8.บัญชีเงินฝากจำนวน 8 บัญชีรวม 46 ล้านบาท

ทั้งนี้ เมื่อรวมกับเงินสกุลดิจิตอลจำนวน 911 บิตคอยน์มูลค่าประมาณ 1,244,000,000 บาท รวมทรัพย์สินที่ริบในคดีนี้มีมูลค่ากว่า 1,657,000,000 บาท

สำหรับคดีนี้สืบเนื่องมาจากการที่ทางการสหรัฐฯ ได้มีคำร้องขอมายังอัยการสูงสุด ในฐานะผู้ประสานงานกลางตาม พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 เมื่อเดือนมิ.ย. พ.ศ. 2560 เพื่อขอให้อัยการสูงสุดดำเนินการจับกุมตัวนายอเล็กซานเดอร์ ซึ่งเป็นเจ้าของเว็บตลาดมืด(darknet) อัลฟ่าเบย์ (AlplaBay) ตามหมายจับของศาลเขตตะวันออกแห่งมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ทั้งหมด 16 ข้อหา เช่น สมคบกันเพื่อจำหน่ายยาเสพติด สมคบกันเพื่อมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรม สมคบกันเพื่อกระทำการฟอกเงิน โดยตามการสืบสวนของทางการสหรัฐอเมริกาทราบว่า นายอเล็กซานเดอร์เป็นเจ้าของเว็บไซต์อัลฟ่าเบย์ ซึ่งเป็นเครือข่ายอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับเว็บตลาดมืดผิดกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดในโลกขณะนั้น พักอาศัยและใช้ไทยเป็นศูนย์กลางเว็บตลาดมืดอัลฟ่าเบย์มีการจำหน่ายทั้งยาเสพติด อาวุธเถื่อน มัลแวร์ ข้อมูลทางการเงินที่ถูกโจรกรรมมาและสินค้าผิดกฎหมายอื่นๆ ไปยังทั่วโลก โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักในประเทศสหรัฐฯ

อัยการสูงสุดพิจารณาคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนแล้วเห็นว่าอยู่ในหลักเกณฑ์ จึงมอบหมายให้พนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศดำเนินการขอหมายจับ นายอเล็กซานเดอร์ แคส จากศาลอาญา และส่งให้กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ดำเนินการตามหมายจับพร้อมขอให้ยึดทรัพย์สินของนายอเล็กซานเดอร์ ขณะเข้าจับกุมเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานดำเนินคดี

ต่อมา วันที่ 5 ก.ค.2560 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส..) ได้จับกุมตัวนายอเล็กซานเดอร์ พร้อมยึดทรัพย์สินต่างๆ ตามรายการข้างต้น นำส่งพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศเพื่อดำเนินคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดน

อย่างไรก็ตามระหว่างถูกควบคุมตัวในคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดนเมื่อวันที่12 ก.ค.2560 นายอเล็กซานเดอร์ ได้กระทำอัตวินิบาตกรรมในห้องควบคุม คดีส่งผู้ร้ายข้ามแดนจึงยุติลง ต่อมา สำนักงานอัยการเขตตะวันออก มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ดำเนินการต่อในคดีริบทรัพย์สินของนายอเล็กซานเดอร์กับพวกที่อยู่ในประเทศต่างๆ เช่น ไซปรัส ลิกเตนสไตน์ แอนติกัวและบาร์บิวดาและประเทศไทย จนศาลเขตตะวันออกแห่งมลรัฐแคลิฟอร์เนีย มีคำพิพากษาให้ริบทรัพย์สินของนายอเล็กซานเดอร์กับพวก

คดีนี้ถึงที่สุดเมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2565 สำหรับขั้นตอนการดำเนินการต่อไป สำนักงานอัยการสูงสุดจะแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดการทรัพย์สิน ขายทอดตลาดตามระเบียบขั้นตอน และรวบรวมทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อเจรจาแบ่งปันกับทางการสหรัฐอเมริกา