‘ทั่วโลกชมไทยแก้โควิดได้ดีแต่ในปท.ด่ายับ’
‘ประยุทธ์’ตัดพ้อ
เชื่อปลายปีนักท่องเที่ยวเข้าไทยพุ่ง2-5ล้านคน
ย้ำเปิดเทอมทุกรร.เข้มสกัดระบาด
สธ.เร่งถกเตรียมลดเตือนภัยระดับ2
พร้อมดูแลรักษาอาการ‘ลองโควิด’
ติดเชื้อรวมATK15,672/ตาย56ศพ
ไทยติดเชื้อโควิดใหม่ 7,779 บวก ATK 7,893 ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 15,672 รายเสียชีวิต 56 ศพ ผู้ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวอยู่ รพ. 1,277 คนใส่ท่อหายใจ 644 คน นายกฯพบคนไทยในวอชิงตันพ้อวางมาตรการคุมเข้มสกัดระบาดจนทั่วโลกชื่นชมยกย่องแต่ในประเทศ ถูกด่าทุกวัน ห้ามนั่นห้ามนี่ มั่นใจเปิดประเทศช่วงปลายปี นักท่องเที่ยวพุ่ง 2-5 ล้านคน ขออย่าให้เกิดระบาดระลอกใหม่ ย้ำผู้ปกครอง เตรียมความพร้อมลูกหลานสอนวิธีปฏิบัติตนเมื่ออยู่ในโรงเรียน “ห้ามถอดแมส-งดรวมกลุ่ม” กำชับทุกขนส่งอำนวยความสะดวกระหว่างเดินทาง
เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์ข้อมูล COVID-19 สรุปภาพรวมสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 และผู้เสียชีวิตประจำวันที่ยังทรงตัวต่อเนื่อง
ไทยติดโควิดรายใหม่15,672ราย
โทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 7,779 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 7,777 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 2 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,137,581 รายตั้งแต่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ส่วนยอดตรวจ ATK วันที่ 13 พฤษภาคมตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มียอดผู้ติดเชื้อเข้าข่าย 7,893 ราย โดยจำนวนนี้ไม่รวมในรายงานยอดผู้ติดเชื้อใหม่ ซึ่งยืนยันผลด้วย RT-PCR เมื่อรวมกับยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ 7,779 รายเท่ากับมีผู้ติดเชื้อรวม 15,672 ราย
ตายเพิ่ม56-ปอดอักเสบ1,277คน
ส่วนผู้ป่วยอาการหนักที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจมี 644 ราย จากผู้ป่วยผู้ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,277 ราย เฉลี่ยจังหวัดละ 17 ราย อัตราครองเตียงร้อยละ 17.1 มีหายป่วยกลับบ้านเพิ่ม 9,286 ราย หายป่วยสะสม 2,087,291 ราย ตั้งแต่ 1 มกราคม ผู้ป่วยกำลังรักษาตัว 75,864 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 56 ราย
อีสานเหลือ5จว.-แปดริ้วขึ้นท็อปเท็น
สำหรับ 10 อันดับจังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศรายใหม่สูงสุด อันดับ 1 ยังคงเป็นกรุงเทพมหานคร (กทม.) 2,643 ราย อันดับ 2 ขอนแก่น 292 ราย อันดับ 3 สุรินทร์ 280 ราย อันดับ 4 ชลบุรี 235 ราย อันดับ 5 บุรีรัมย์ 219 ราย อันดับ 6 ร้อยเอ็ด 216 ราย อันดับ 7 อุบลราชธานี 206 ราย อันดับ 8 สมุทรปราการ 195 ราย อันดับ 9 นนทบุรี 150 ราย และอันดับ 10 ฉะเชิงเทรา 138 ราย
ฉีดวัคซีนสะสม135ล้านโดส
ความคืบหน้าการฉีดวัคซีนประจำวันที่ 12 พฤษภาคมมี ผู้เข้ารับวัคซีนรายใหม่ 185,323 โดส แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 23,082 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 63,583 ราย เข็มที่ 3 จำนวน 98,658 ราย ส่วนยอดฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564-13 พฤษภาคม รวมสะสมอยู่ที่ 135,291,382 โดส เข็มที่ 1 สะสมแล้ว 56,480,739 ราย คิดเป็น 81.2% ของประชากร เข็มที่ 2 สะสมแล้ว 51,845,234 ราย คิดเป็น 74.5% ของประชากร เข็มที่ 3 สะสมแล้ว 26,965,409 ราย คิดเป็น 38.8% ของประชากร
สธ.เร่งถกเตรียมลดเตือนโควิดระดับ2
ด้านนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงแนวโน้มเตรียมประกาศลดระดับเตือนภัยโควิด-19 จากระดับ 3 เป็น ระดับ 2 หลายเดือนพฤษภาคมว่า การประกาศเตือนภัยสุขภาพเหลือระดับ 2 จะพิจารณาสิ่งที่ห้ามทำ และสิ่งที่ทำได้ โดยต้องสอดคล้องกับมาตรการในภาพรวมที่ต้องเสนอต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 (ศบค.) ส่วนจะเสนอที่ประชุม ศบค.วันที่ 20 พฤษภาคมนี้หรือไม่ อยู่ระหว่างหารือกับกรมควบคุมโรค (คร.)
พร้อมดูแลรักษาอาการ‘ลองโควิด’
นพ.เกียรติภูมิกล่าวถึงการดูแลรักษาอาการลองโควิด สำหรับคนที่เคยติดเชื้อและหายแล้วว่า จริงๆ การติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน พบว่าอาการลองโควิดมีไม่มาก ซึ่งสธ.เตรียมการดูแลไว้แล้ว แต่จะเป็นลักษณะคลินิกเฉพาะหรือไม่ต้องหารือกับกรมการแพทย์ เพื่อศึกษาว่าอาการลองโควิดจะเป็นนานหรือไม่ มีอาการมากกว่าปกติอย่างไร เพราะหากส่วนใหญ่ป่วยไม่มาก ก็สามารถใช้คลินิกปกติดูแลให้บริการได้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเบื้องต้นอาการลองโควิดส่วนใหญ่ไม่ถึงกับป่วยหนัก ประชาชนสังเกตอาการเพื่อดูแลตัวเองได้ ถ้าพบว่ามีอาการลองโควิด ติดต่อไปที่โรงพยาบาล (รพ.)ตามสิทธิ เพื่อรักษาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ขณะนี้ยังไม่มีการเสนอเข้าที่ประชุมอีโอซี ของสธ.
เปิดเงื่อนไขเตือนภัยโควิดระดับ2
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเตือนภัยโควิดระดับ 2 นั้น จะผ่อนคลายกิจกากิจกรรม โดยเฉพาะในกลุ่มสถานบันเทิง ผับบาร์ คาราโอเกะ ในคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขนั้น บุคคลทั่วไปดำเนินกิจกรรมกิจการได้เกือบทั้งหมด ยกเว้นกลุ่ม 608 รายละเอียดมีดังนี้ การไปสถานที่เสี่ยง กลุ่ม 608 คือ ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ งดเข้าสถานบันเทิง เลี่ยงเข้าสถานที่ระบบปิด/แออัด ในการร่วมกิจกรรมที่มีคนจำนวนมาก กลุ่ม 608 ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ เลี่ยงร่วมกิจกรรมที่รวมกลุ่มจำนวนมาก ในการเดินทางข้ามพื้นที่/ข้ามจังหวัด กลุ่ม 608 ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ เลี่ยงโดยสารขนส่งสาธารณะทุกประเภท และการเดินทางเข้า-ออกประเทศ กลุ่ม 608 ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ เลี่ยงเดินทางไปต่างประเทศ เข้าประเทศ กักตัว
นายกฯพ้อทั่วโลกชมแก้โควิด-ในปท.ด่ายับ
วันเดียวกัน มีรายงานภารกิจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมที่เดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐอเมริกา สมัยพิเศษ วันที่ 2 โดยนายกฯเดินทางไปพบผู้แทนสมาคมชมรมคนไทยในกรุงวอชิงตัน ดีซี และเมืองใกล้เคียง รวมทั้งหัวหน้าสำนักงานและข้าราชการ หน่วยงานทีมประเทศไทย พร้อมครอบครัว นายกฯกล่าวตอนหนึ่งระหว่างพูดคุยกับชมรมคนไทยว่า การแก้ไขสถานการณ์ระบาดโควิด -19 วันนี้ไทยได้รับความชื่นชม แต่เวลาได้รับความชื่นชม ตนไม่ค่อยได้เกียรติ ประเทศไทยได้รับความชื่นชมว่าสามารถบริหารจัดการสถานการณ์ได้ลำดับต้นๆของโลก บางอย่างระดับ 1 ของโลก
“แต่ในประเทศด่าว่าผมทุกวัน ไปห้ามนู่นห้ามนี่ ถ้าผมไม่กำกับดูแล ไม่กำหนดจะปลอดภัยหรือ จะลดยอดติดเชื้อจาก 20,000 ราย เหลือ 10,000 รายได้หรือไม่ ในการระบาดรอบแรกๆมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันละหลายหมื่น พอได้วัคซีนมาปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ อาจลำบากที่ต้องใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง ซึ่งไปตรวจไม่ได้ทั้งหมด แต่พอเข้าไปตรวจก็หาว่าเข้มงวดเกินไป ทำนองนี้ นี่คือ มนุษย์ คือคน ก็แล้วแต่ อย่างไรก็ตาม วันนี้ทุกคนร่วมมือมากขึ้น และไทยก็เปิดประเทศแล้วตั้งแต่ Test and Go , sandbox หลายประเทศก็นำไปเป็นตัวอย่าง ตอนแรกก็ปล่อยทางอากาศ ต่อมาก็ปล่อยภาคพื้นดินทางน้ำ”นายกฯกล่าว
มั่นใจปลายปีนักท่องเที่ยวมาไทยพุ่ง2-5ล.
และชี้แจงว่า เราต้องอยู่กับมันให้ได้ ซึ่งไทยได้รับคำชื่นชมที่ไทยบริหารจัดการได้ระดับต้นของโลก บางอย่างเป็นอันดับหนึ่งของโลก ที่ผ่านมาต้องกำกับดูแลเข้มงวด เพื่อความปลอดภัย ยอดผู้ติดเชื้อถึงลดลง อาจลำบาก แต่จะค่อยๆดีขึ้น วันนี้ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายมากขึ้น ไทยเริ่มเปิดประเทศแล้ว หลายประเทศใช้ไทยเป็นต้นแบบ และตอนนี้เปิดให้เดินทางผ่านชายแดนแล้วและข่าวดีคือ การท่องเที่ยวของไทย ตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อวันหลายหมื่นคน คาดว่าปลายปีนี้อาจขึ้นไปถึง 2-5 ล้านคน หากไม่มีปัญหาใดเกิดขึ้นอีก อาจจะอยู่ที่ 5-10 ล้านคน
ห่วงอย่าให้เกิดระบาดระลอกใหม่
นายกฯยังกล่าวขอบคุณบุคลากรแพทย์สาธารณสุขทุกภาคส่วน ไม่มีอะไรที่คนพอใจ แต่ทำให้มากที่สุดให้ดีที่สุด นั่นคือนโยบายของตน ซึ่งตนก็รวบรวมเอง หลายคนตั้งคำถามว่า ทำไมนายกฯต้องประกาศเอง นายกฯไม่ใช่หมอ แต่นายกฯเป็นผู้บริหาร ถ้าให้หมอทำคนเดียวทำไม่ได้ทั้งหมด เพราะสั่งทหารไม่ได้ สั่งเจ้าหน้าที่มหาดไทยไม่ได้ พอตนบูรณาการก็หาว่าเผด็จการไปอีก ทุกประเทศเขาทำแบบนี้หมด อยากบอกว่าเขาเรียนแบบตนด้วยซ้ำไป วันนี้ตนห่วงอย่างเดียวว่า อย่าให้เกิดระบาดขึ้นมาอีกรอบก็แล้วกัน
เล็งดึงภาคธุรกิจสหรัฐลงทุนไทย
นายกฯกล่าวช่วงหนึ่งด้วยว่า วันนี้เจอผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำอาเซียน สิ่งสำคัญที่เชิญรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจมาด้วย เพราะจะพูดคุยกับภาคธุรกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ เชิญชวนให้ลงทุนในประเทศไทย ขณะที่ความร่วมมือฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลังสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย เพราะยอดผู้ติดเชื้อของไทยเริ่มลดลงต่ำกว่าหมื่นติดต่อกันหลายวัน และไทยรณรงค์ให้ฉีดวัคซีนทั่วถึง เพื่อป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิต ซึ่งหลายคนกลัว แต่ตนเองฉีดมา 4 เข็มแล้ว
ย้ำเปิดเรียนออนไซต์เข้ม.ใส่แมส-ฉีดวัคซีน
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า นายกฯรับทราบสรุปผลสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการเปิดภาคเรียนที่ 1/2565 ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยเสมาโพลสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนทั่วประเทศ 17,308 หน่วยตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 5-8 พฤษภาคมพบว่า ประชาชน ร้อยละ 47 เชื่อมั่นต่อการเปิดภาคเรียนของศธ. ด้วยรูปแบบออนไซต์ ส่วนใหญ่เห็นด้วยให้เด็กไปเรียนที่โรงเรียนตามปกติ แต่ยังกังวลเรื่องความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิดในโรงเรียน ซึ่งนายกฯขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุข ในการป้องกันควบคุมการระบาดโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะความสำคัญในการสวมหน้ากากอนามัย และฉีดวัคซีนทุกคนในโรงเรียนให้ครอบคลุม เพื่อสร้างความมั่นใจต่อการเปิดภาคเรียนที่ 1/2565 ในวันที่ 17 พฤษภาคม ที่เป็นการเปิดเรียนทุกสถานศึกษาประมาณ 3.5 หมื่นแห่ง เป็นการเปิด On-site 100% ซึ่งศธ. รายงานข้อมูลบุคลากรการศึกษา ครู ที่มีประมาณ 6.8 แสนคน ขณะนี้กว่า 97% ฉีดวัคซีนกระตุ้นมากกว่า 3 เข็มแล้ว เด็กอายุ 12-18 ปี ฉีดวัคซีนไปแล้ว 90% และกลุ่มอายุ 5-11 ปี ฉีดไปแล้วประมาณ 50% และเร่งจัดฉีดวัคซีนให้นักเรียนทุกคนที่ต้องการฉีดให้ครอบคลุม
ห่วงนร.เดินทางไปรร.-สั่งขนส่งดูแล
นอกจากนี้นายกฯกำชับทุกหน่วยติดตาม ทบทวนมาตรการให้เหมาะสมกับสถานการณ์โควิดปัจจุบัน พร้อมแสดงความห่วงใยเรื่องการเดินทางไปโรงเรียนของนักเรียนช่วงเปิดภาคเรียน โดยเฉพาะการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชน ทั้งรถเมล์โดยสาร รถไฟ รถไฟฟ้า เรือโดยสาร นายกฯสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวก ดูแลความปลอดภัยเตรียมพร้อมการบริการรองรับผู้โดยสารที่จะมีมากขึ้นช่วงเปิดเทอม ทั้งนี้ นายกฯติดตามการเตรียมพร้อมเปิดภาคเรียนรูปแบบออนไซต์ โดยย้ำ ให้สถานศึกษาทุกสังกัดเตรียมความพร้อมตามแนวทางการเฝ้าระวังด้วยหลักการ ‘ตัดความเสี่ยง สร้างภูมิคุ้มกัน’ ต้องปฏิบัติตามมาตรการสร้างความปลอดภัย 6-6-7 ป้องกันโควิดในสถานศึกษาอย่างเคร่งครัด รวมทั้งเตรียมพร้อม School Isolation กรณีพบผู้ติดเชื้อหรือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง โรงเรียนไม่จําเป็นต้องปิดเรียน แต่ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนแผนเผชิญเหตุอย่างแม่นยำ รวดเร็ว
ย้ำพ่อแม่กำชับลูกหลานปฎิบัติตัวในรร.
อีกทั้งนายกฯฝากถึงผู้ปกครองควรเน้นย้ำลูกหลานที่ไปโรงเรียนว่า ไม่ควรถอดหน้ากากอนามัย ไม่ลืมตรวจ ATK หลีกเลี่ยงรวมกลุ่ม ไม่เล่นเป็นกลุ่มใหญ่ ไม่นั่งติดกันทั้งเวลาเรียน ไม่คุยเล่นหรือรับประทานอาหาร และไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน หากเด็กคนไหนมีอาการสงสัยให้ตรวจ ATK ถ้าพบเชื้อให้รักษาตัวที่บ้าน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี