ท่องเที่ยวไทยดีต่อเนื่อง
ติดอันดับ1ใน3
แพลตฟอร์มชั้นนำเอเชีย
โรงแรมปลื้ม‘เที่ยวด้วยกัน’
ดึงยอดคนไทยเข้าพักมากขึ้น
รบ.ชูพาณิชย์ลดราคาช่วยปชช.
“อนุชา” เผยนายกฯ ขอบคุณทุกฝ่ายช่วยเศรษฐกิจภาคท่องเที่ยวฟื้นไทยติดท็อป 3 แพลตฟอร์มท่องเที่ยวชั้นนำของเอเชีย รร.ยิ้ม “เที่ยวด้วยกันเฟส 5”ทำคนไทยเข้าพักมากขึ้น ขณะที่โครงการ “พาณิชย์ลดราคา” คลายทุกข์ค่าครองชีพประชาชน
วันที่ 15 เมษายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ภาคการท่องเที่ยวของไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม (Hotel Business Operator Sentiment Index) เดือนมีนาคม 2566 ซึ่งทำการสำรวจโดยสมาคมโรงแรมไทยและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระหว่างวันที่ 9 - 26 มี.ค. 2566
ระบุว่า อัตราการเข้าพักเฉลี่ยของเดือนมีนาคมอยู่ที่ร้อยละ 66 โดยอัตราการเข้าพักของโรงแรมที่รับนักท่องเที่ยวไทยเป็นหลักปรับดีขึ้นเกือบทุกภูมิภาคจากการใช้สิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ที่เริ่มให้ใช้สิทธิจองห้องพักวันแรกตั้งแต่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา นอกจากนั้น ในภาพรวมช่วง 3 เดือนแรกของปี 2566 สถานการณ์การท่องเที่ยวยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้น ยังมีรายงานของ Klook ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยวชั้นนำระดับทวีปเอเชีย ที่ระบุว่า ภายหลังมีการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ประเทศไทยถือเป็น 1 ใน 3 จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว นอกเหนือไปจากญี่ปุ่น และไต้หวัน พร้อมทั้งคาดการณ์ว่า ในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวไทยผ่านการจองบริการของ Klook มากกว่า 1 ล้านทริปขึ้นไป ซึ่งมีกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักได้แก่ จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ และสิงคโปร์
โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้บูรณาการความร่วมมือกับ Klook แพลตฟอร์มท่องเที่ยว ภายใต้แคมเปญ ‘Let Your Journey be Thai’ ซึ่งมีจุดประสงค์ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับการท่องเที่ยวอย่างมีคุณค่า และได้รับประสบการณ์อันน่าประทับใจเมื่อมาเยือนเมืองไทย ผ่านเอกลักษณ์ของไทยในด้านการบริการและความเป็นมิตร (Thai Hospitality) พร้อมทั้งผลักดัน 5F Soft Power ที่เป็นจุดแข็งของไทย ในการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ
“นายกฯ ขอบคุณทุกหน่วยงานที่บูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างแข็งขันตามนโยบายและมาตรการที่เกี่ยวข้องของรัฐบาล ทั้งเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ และดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มายังประเทศไทยมากขึ้น จนเห็นผลสำเร็จทำให้สถานการณ์การท่องเที่ยวในภาพรวมปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลเชื่อมั่นว่า การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวจะส่งผลประโยชน์ต่อประชาชนทุกคน ผ่านการสร้างงาน สร้างรายได้ กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ตลอดจนเป็นอีกปัจจัยสำคัญสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศ” นายอนุชา กล่าว
นายอนุชา ยังกล่าวอีกว่า ส่วนโครงการ”พาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน” ตลอดระยะเวลา 3 ปี ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2563 เพื่อลดภาระ บรรเทาค่าครองชีพให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดนั้น รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินโครงการเพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนในช่วงวิกฤตโควิด-19 ระลอก 1 ระลอก 2 ระลอก 3 ตั้งแต่ปี 2563 อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งโครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากผู้ผลิต ห้างค้าปลีกค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า ห้างท้องถิ่น แพลตฟอร์มออนไลน์ ร้านสะดวกซื้อ นำสินค้ามาลดราคาทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ มีนาคม 2563 จนถึง มกราคม 2566 ลดราคาสินค้าและบริการมาแล้วทั้งหมด 23 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 33,485,560 รายการ และบริการรวมทั้งสิ้น 1,674 รายการ โดยลดราคาสินค้าตั้งแต่ 32-87%
“สินค้าที่นำมาลดราคาเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการอุปโภคบริโภค เช่น อาหาร วัตถุดิบ ผัก ผลไม้ ข้าวสาร สินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ อุปกรณ์การเรียนการสอน เป็นต้น ทั้งในห้างท้องถิ่น ห้างค้าปลีกค้าส่ง ตลาดสด ตลาดกลาง รวมถึงการซื้อสินค้าและบริการบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งจากการดำเนินโครงการนี้ที่ผ่านมาสามปี สามารถช่วยประชาชน ลดค่าใช้จ่ายไปได้กว่า 16,498 ล้านบาท” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี