วันนี้ (14 พ.ค.65) ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจากศูนย์กู้ภัยมูลนิธิกุศลสงเคราะห์เกาะสมุย อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่าได้รับแจ้งจากชาวบ้านบางมะขาม หมู่ที่ 5 ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุยว่า พบซากโลมาตายถูกเคลื่อนซัดมาเกยชายหาดบ้านบางมะขาม หลังจากได้รับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบ
จุดที่พบซากโลมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ตรวจสอบพบว่าซากโลมาดังกล่าวเป็นโลมาสีชมพู ซึ่งเป็นสายพันธุ์โลมาหลังโหนก ตรวจสอบพบมีความยาวประมาณ 1.20 เมตรคากว่าเป็นเพศเมียได้เสียชีวิตมาแล้วกว่าหกวัน ซึ่งซากโลมาเริ่มส่งกลิ่นเหม็น
จากการตรวจสอบสาเหตุการตายพบว่าบริเวณอวัยวะเพศยาวไปถึงท้องมีบาดแผลถูกของมีคมเป็นบาดแผลยาวกว่า 20 เซนติเมตร นอกจากนี้ บริเวณโคนหางยังมีบาดแผลอีกสองแผล เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงได้ขุดหลุมและนำซากโลมาฝังบริเวณชายหาด พร้อมแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สำหรับโลมาที่พบเป็นโลมาสีชมพูหรือชื่อจริงๆ ว่าโลมาหลังโหนก เป็นโลมาสายพันธุ์หนึ่งที่หายากมากและอยู่ในช่วงที่ใกล้สูญ์พันธุ์ ซึ่งจะอาศัยอยู่แต่ในน้ำทะเลเท่านั้น พบบ่อยที่สุดบริเวณชายฝั่งที่มีน้ำตื้น อาศัยไม่ห่างจากชายฝั่งเกินระยะ 1 กิโลเมตร จึงพบเห็นตัวได้โดยง่าย จะอยู่เป็นกลุ่มเล็กๆ ประมาณ 10 ตัว มีลักษณะทั่วไป คือ มีจะงอยปากยาวโค้งเล็กน้อยที่เด่นชัดคือส่วนของฐานครีบหลังจะเป็นสันนูนสูงรองรับครีบหลังสีลำตัวจะมีการผันแปรต่างกันมาก ตัวเล็กจะมีสีจางจนเหมือนเผือก ในประเทศไทยจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยพบได้ทั้งฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน สามารถพบโลมาสีชมพูได้บริเวณทะเล อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช
นางสาวนาตยา แสงคำ เจ้าหน้าที่กู้ภัยเปิดเผยว่า สำหรับโลมาตัวที่พบครั้งนี้เป็นตัวแรกของปี 2565 ที่ตายแล้วลอยมาติดชายฝั่งเกาะสมุย โดยในปี 2564 พบซากโลมาตายลอยมาเกยหาดรอบเกาะสมุยประมาณ 15 ตัว จึงอยากฝากถึงชาวประมงว่าขอให้ใช้ความระมัดระวังการทำประมง และอย่าทำร้ายโลมาหากพบไปติดอวน หรือพบว่าโลมาบาดเจ็บขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อช่วยชีวิต เพราะเสียดายหากโลมาต้องมาตาย - 003