การบริจาคโทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ใช้แล้ว เพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธีเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการนำขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการสารและของเสียอันตราย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับ บริษัท โทเทิล เอนไวโรเมนทอล โซลูชั่นส์ จำกัด (Total Environmental Solutions) เปิดรับบริจาคโทรศัพท์มือถือ แท็บเลต และอุปกรณ์เสริมเพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี ซึ่งดำเนินการมา 12 ปีแล้ว เป็นตัวอย่างการดำเนินการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้ถูกต้อง
โดยศูนย์ความเลิศด้านการจัดการสารและของเสียอันตรายฯ ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์จากประชาชนและหน่วยงานที่สนใจ ส่งต่อให้บริษัทรับกำจัดและดำเนินการรีไซเคิลอย่างถูกต้อง เป็นการลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ถูกวิธี โดยการบริจาคโทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเลต 1 เครื่อง จะเปลี่ยนเป็นเงิน 10 บาท บริจาคเข้ากองทุนภูมิคุ้นกันบำบัดมะเร็ง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อสนับสนุน การวิจัยด้านการรักษามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกัน
กระแสตอบรับโครงการจุฬาฯ รักษ์โลกนั้น รศ.ดร.สุธา ขาวเธียรผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการสารและของเสียอันตราย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยว่าโครงการจุฬาฯ รักษ์โลก เป็นกิจกรรมแรกๆในการรวบรวมโทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์มาดำเนินการรีไซเคิลอย่างถูกวิธี ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างศูนย์ความเลิศด้านการจัดการสารและของเสียอันตราย จุฬาฯ กับค่ายโทรศัพท์มือถือ แต่ด้วยข้อจำกัดของศูนย์ฯ ในเรื่องพื้นที่ในการรวบรวม จึงไม่ได้ขยายงานต่อ
กระทั่งในระยะ 2- 3 ปีที่ผ่านมา ประชาชนเริ่มให้ความสนใจเรื่องนี้มากขึ้น ประกอบกับปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับการบริจาคเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจึงปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินงานให้เป็นกิจกรรมที่ใหญ่ขึ้น รวบรวมโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในปริมาณมากขึ้นเพื่อสร้างความยั่งยืนในการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ให้เกิดประโยชน์กับสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาทั่วโลกมีปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ 53.6-54 ล้านตันต่อปี ในจำนวนนี้มีประมาณร้อยละ 18 เท่านั้นที่ได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง
“ในประเทศไทยก็มีปัญหาคล้ายๆ กับในระดับโลก คือเรามีของเสียอันตรายชุมชน ประกอบด้วย ขยะอิเล็กทรอนิกส์ แบตเตอรี่ ถ่านไฟฉาย ภาชนะบรรจุสารเคมี กระป๋องสเปรย์ต่างๆ เพิ่มมากขึ้นทุกปี โดยเฉลี่ยประมาณ 4 แสนตันต่อปี และมีการกำจัดด้วยวิธีที่ถูกต้องเพียง 20% ส่วนหนึ่งเกิดการใช้ชีวิตของเราที่มีแนวโน้มการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในระยะเวลาที่สั้นลง โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19พบว่ามีการเปลี่ยนอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ามากขึ้น ทำให้ปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น
ซึ่งการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ไม่ถูกต้องส่งผลกระทบ 2 ด้าน คือ ขยะอิเล็กทรอนิกส์มีโลหะชนิดต่างๆ เป็นองค์ประกอบมีโอกาสที่จะปนเปื้อนอยู่ในสิ่งแวดล้อม ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ที่เกี่ยวข้องได้ ในขณะเดียวกันก็เป็นการสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจเนื่องจากตัวโลหะต่างๆ ที่อยู่ในขยะอิเล็กทรอนิกส์ ถือว่าเป็นทรัพยากรที่มีค่า สามารถนำกลับมาใช้ในกระบวนการผลิตต่อไปได้ หากได้รับการจัดการหรือผ่านกระบวนการรีไซเคิลที่ถูกวิธี” รศ.ดร.สุธา กล่าว
ผอ.ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการสารและของเสียอันตราย จุฬาฯ กล่าวต่อไปว่า เมื่อประเมินจากแบบสอบถามที่ทำการศึกษาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่ประชาชนไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องขยะอิเล็กทรอนิกส์เท่าที่ควร มีการทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์รวมกับขยะทั่วไป หรือบางครั้งก็ไม่นำไปทิ้ง แต่เก็บไว้ในบ้าน ในปีที่ผ่านมาได้มีการสำรวจประชาชน 2,000 คนพบขยะชิ้นเล็ก เช่น โทรศัพท์มือถือเมื่อเลิกใช้แล้วเป็นขยะส่วนหนึ่งก็จะถูกทิ้งไป แต่มีจำนวนมากถึงร้อยละ 35-40 ที่เก็บโทรศัพท์มือถือที่ไม่ใช้แล้วไว้ในบ้าน
ส่วนขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเมื่อหมดอายุก็จะขายไป ยังมีประมาณร้อยละ 15-20 ที่เก็บไว้ที่บ้าน เมื่อเวลาผ่านไปก็จะทิ้งปะปนไปกับขยะทั่วไป นำไปสู่เส้นทางของการกำจัดขยะที่ไม่ถูกต้อง ส่วนความคืบหน้า (ร่าง) พ.ร.บ.การจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ขณะนี้ยังเป็นร่างกฎหมายอยู่ เพราะมีปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการจัดการขยะค่อนข้างมาก
เช่น ผู้รับซื้อของเก่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฯลฯ รวมถึงมีสาระสำคัญที่ควรพิจารณา เช่น กระบวนการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์สามารถตรวจสอบได้ว่ามีการกำจัดอย่างไรชิ้นส่วนต่างๆ ดำเนินการไปทิ้งที่ใด มีการควบคุมดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร ฯลฯ ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษารายละเอียดอยู่ เพื่อให้กฎหมายที่ออกมาสามารถควบคุมระบบบริหารจัดการตรวจสอบได้
รศ.ดร.สุธา ยังกล่าวอีกว่าโครงการจุฬาฯ รักษ์โลก เน้นการดำเนินงานในภาคีเครือข่ายและองค์กรที่สนใจ ด้วยการเผยแพร่ความรู้ผ่านช่องทางต่างๆ นอกจากนี้ยังร่วมมือกับหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวประชาสัมพันธ์กิจกรรมเหล่านี้ เพื่อให้เกิดการรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์และส่งไปจัดการได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการสารและของเสียอันตราย ยังได้พัฒนาองค์ความรู้ด้านการวิจัยภายใต้ความร่วมมือของเครือข่ายทั้งในและนอกจุฬาฯ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการให้เกิดความสมดุลในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม
พัฒนาขีดความสามารถที่มีส่วนได้ส่วนเสียและเป็นแหล่งพึ่งพิงด้านการจัดการสารและของเสียอันตรายได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม ครบวงจร ซึ่งประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมในเรื่องการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ เริ่มต้นจากการคัดแยกขยะ มีการจัดการขยะอย่างถูกต้อง โดยสามารถนำโทรศัพท์มือถือและซากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ใช้แล้วส่งมาที่โครงการจุฬาฯ รักษ์โลก
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-2183959
ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการสารและของเสียอันตราย
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี