ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน “เทศกาลผลไม้และของดีอำเภอแกลง” ประจำปี 2565 โดยมี ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สธ.นายอนันต์ นาคนิยม รอง ผวจ.ระยอง นายปิยะ ปิตุเตชะ นายก อบจ.ระยอง หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้อนรับอย่างคับคั่ง ที่ล้งผลไม้ปั๊มไต๋ปิโตรเลียม ต.ทางเกวียน อ.แกลง จ.ระยอง
นายอนันต์ นาคนิยม รอง ผวจ.ระยอง กล่าวว่า จังหวัดระยองเป็น 1 ใน 3 จังหวัด ของพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก EEC มีการแบ่งการปกครองออกเป็น 8 อำเภอ 58 ตำบล 442 หมู่บ้าน ประชาชนประกอบอาชีพหลากหลาย ซึ่งอยู่ทั้งในภาคอุตสาหกรรมภาคการเกษตร และภาคการท่องเที่ยว โดยมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ อาทิ อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง หาดแม่รำพึง หาดแหลมแม่พิมพ์ เป็นต้น
นอกจากนี้ แล้วจ.ระยองยังเป็นแหล่งผลิตผลไม้เมืองร้อนที่สำคัญ โดยมีข้อมูลทางสถิติจากสำนักงานเกษตรจังหวัดระยอง พบว่า ในปี 2564 จังหวัดระยองมีผลผลิตผลไม้สำคัญ 4 ชนิด ได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง ส่งออกสู่ท้องตลาดจำนวน 139,566 ตันเป็นมูลค่า 14,,244 ล้านบาท และในปี 2565 คาดการณ์ว่าจะมีผลผลิตผลไม้ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น จำนวน 175,862 ตันคิดเป็นมูลค่า 14,785 ล้านบาท
การจัดงานเทศกาลผลไม้ จะช่วยสร้างการรับรู้ที่ดีให้จังหวัดระยองเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น เพิ่มศักยภาพในด้านการจำหน่ายผลไม้ของเกษตรกร สร้างขวัญและกำลังใจแก่เกษตรกรที่ผลิตผลไม้เป็นอาชีพหลัก และเผยแพร่ผลผลิตสินค้า(OTOP) ในพื้นที่ รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว เนื่องจากช่วงเวลานี้เป็นวันหยุดยาวต่อเนื่อง 4 วัน
ดร.เฉลิมชัยกล่าวว่า ในเดือนเม.ย. 2565 ได้สรุปตัวเลขปริมาณผลผลิตของไม้ผล 4 ชนิด ได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง ในพื้นที่ 3 จังหวัด (ระยอง จันทบุรี ตราด) พบว่า ผลผลิตรวมทั้ง 4 ชนิด เพิ่มขึ้นจากปี’64 ร้อยละ 32 เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น และมีฝนตกต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี ส่งผลให้เอื้อต่อการออกดอกและติดผล แม้จะมีภัยธรรมชาติจากลมพายุช่วงปลายปี’64 และเดือน ก.พ.-มี.ค. 2565 ที่ทำให้ดอกและลูกร่วงเสียหาย แต่ในภาพรวมปริมาณผลผลิตยังคงมากกว่าปีที่ผ่านมาทั้งนี้ ผลผลิตได้ทยอยออกสู่ตลาดตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และจะออกต่อเนื่องจนถึงกลางเดือน ก.ย.2565โดยผลผลิตจะออกมากที่สุดช่วงเดือนพ.ค.2565 คิดเป็นร้อยละ 51ของผลผลิตทั้งหมด ผลผลิตผลไม้ไทยปีนี้อาจเพิ่มขึ้นถึง 32% จึงต้องเตรียมมาตรการรับมือ เพื่อไม่ให้กระจุกตัวและเกิดปัญหาราคาตกต่ำ ซึ่งในปีที่ผ่านมา ไทยส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 1.6 แสนล้านบาท โดยเฉพาะทุเรียนส่งออกทะลุแสนล้านเป็นครั้งแรก
สำหรับมาตรการบริหารจัดการผลไม้ปี’65 ประกอบด้วย 17 มาตรการ เพื่อดูแลบริหารจัดการผลไม้ทั้งระบบ เป็นมาตรการหลักในการขับเคลื่อน อาทิ มาตรการเร่งรัดตรวจและรับรอง GAP ซึ่งมีเป้าหมายในปี’65 ไม่ต่ำกว่า 120,000 แปลง 2.มาตรการช่วยผู้ประกอบการ หรือเกษตรกร หรือล้ง กระจายผลผลิตผลไม้ออกนอกแหล่งผลิต กิโลกรัมละ 3 บาท ปริมาณ 80,000 ตัน 3.มาตรการเสริมสภาพคล่องให้ผู้ส่งออกโดยจะช่วยเหลือดอกเบี้ย 3% และช่วยผู้ส่งออกที่ส่งออกผลไม้อีกกิโลกรัมละ 5 บาท ปริมาณ 60,000 ตัน กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สนับสนุนให้มีการใช้พระราชบัญญัติเกษตรพันธสัญญา การทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าด้านผลไม้ โดยจะสนับสนุนให้มีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเกษตรกรได้ทราบว่าขายผลไม้ได้เท่าไหร่ มีคนซื้อที่มีหลักประกัน เซ็นสัญญาตามกฎหมายชัดเจนไม่ต่ำกว่า 30,000 ตัน 5.มาตรการส่งเสริมการบริโภคผลไม้ในประเทศ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีการรองรับด้านชลประทาน เตรียมสร้างอ่างเก็บน้ำคลองน้ำเขียว ให้เพียงพอต่อการใช้น้ำในจังหวัดระยองซึ่งจะเริ่มสร้างได้ในปี 2567 ความจุ 16.8 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งระยองนั้น ทุเรียนกำลังมีอนาคตหากสร้างอ่างเก็บน้ำเสร็จก็จะสร้างรายได้ให้เกษตรกรมากกว่าหมื่นล้านต่อปี ส่วนที่จันทบุรีก็ยังมีการสร้างอ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้น เมื่อแล้วเสร็จทั้งสองจังหวัดจะมีการเชื่อมต่อด้วยระบบท่อ ทำให้ปัญหาภัยแล้ง และน้ำท่วม หมดไป
สำหรับการจัดงานเทศกาลผลไม้ เพื่อประโยชน์แก่พี่น้องเกษตรกรในด้านการจำหน่ายสินค้าการเกษตร และเพื่อประโยชน์ในด้านการท่องเที่ยว ที่สำคัญมีการส่งเสริมและพัฒนาสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพและมีมูลค่า ขยายโอกาสทางการตลาดไปสู่ภายในและภายนอกประเทศและพัฒนาเป็นเกษตรอุตสาหกรรมและเกษตรท่องเที่ยว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี