เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2565 น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่สาธารณประโยชน์หนองแด อำเภอเมืองอุดรธานี ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบหมายให้กรมวิชาการเกษตร ร่วมกับจังหวัดอุดรธานี เตรียมการจัดงานพืชสวนโลกที่กำหนดจัดขึ้นในปี 2569 หลังจังหวัดอุดรธานีได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงาน โดยมี นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี บรรยายสรุปการเตรียมพื้นที่ร่วมกับและหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ จังหวัดอุดรธานีเชื่อมั่นว่า การจัดงานจะประสบความสำเร็จอย่างดี ทำให้เกิดสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ และช่วยสร้างเศรษฐกิจ อาชีพ และรายได้ที่ดีให้กับชาวจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดข้างเคียง
จากนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร นายภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร คณะผู้บริหารในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะเดินทางไปที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรอุดรธานี (ศวพ.อุดรธานี) ตำบลเมืองเพีย อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี เพื่อตรวจติดตามการดำเนินงานของศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรอุดรธานี (ศวพ.อุดรธานี) สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 กรมวิชาการเกษตร
น.ส.มนัญญา เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีนโยบายให้หน่วยงานของกรมวิชาการเกษตร เร่งรัดดำเนินการงานวิจัยเพื่อนำผลงานวิจัยไปพัฒนาการผลิตพืชของเกษตรกร ให้เป็นการผลิตที่ปลอดภัย ไม่มีสารพิษตกค้างเกินค่ามาตรฐาน และยกระดับสู่การผลิตแบบอินทรีย์ในกลุ่มเกษตรกรที่มีความพร้อม รวมทั้งถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพืชให้เกษตรกรอีกทั้งได้มอบนโยบายเน้นย้ำให้งานวิจัยต้องตอบโจทย์ความต้องการใช้ของประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่เป็นหลักควบคู่ไปกับการวิจัยและพัฒนาด้านวิชาการของกรมวิชาการเกษตรที่เล็งเห็นว่าในพื้นที่มีพืชใดที่เหมาะสมให้ผลตอบแทนสูงการป้องกันแมลงศัตรูพืชและปุ๋ยที่เหมาะสมกับชนิดพืชเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อยกระดับการผลิตไปสู่ตลาดคุณภาพและการส่งออกให้ได้เร็วที่สุดโดยกรมวิชาการเกษตรต้องเป็นพี่เลี้ยงให้กับประชาชนเพื่อให้ผลผลิตที่มีคุณภาพ
สำหรับงานวิจัยที่สำคัญของศูนย์วิจัยฯ เช่น มันสำปะหลัง อ้อย ปาล์มน้ำมัน ถั่วลิสง และบัวหลวง โดยเฉพาะปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นพืชสร้างรายได้ให้เกษตรกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และบริเวณจังหวัดริมแม่น้ำโขง ซึ่งปัจจุบันศูนย์วิจัยฯ มีโครงการทดสอบและพัฒนาพืชพลังงานเพื่อผลิตไบโอดีเซลและเอทานอล โดยนำพันธุ์ปาล์มน้ำมันของกรมวิชาการเกษตรทั้ง 6 พันธุ์ คือ พันธุ์สุราษฎร์ธานี 1 - 6 มาทดสอบปลูกเปรียบเทียบผลผลิตพบว่าให้ผลผลิตดี และในปี 2562 - 2564 มีการวิจัยและขยายผลนวัตกรรมการผลิตปาล์มน้ำมันด้วยการจัดการที่เหมาะสมยกระดับผลผลิตโดยการจัดการสวนที่เหมาะสมระดับชุมชนตามศักยภาพพื้นที่ดำเนินการใน 1 ชุมชนต้นแบบ 20 แปลงรวม 100 ไร่ โดยศูนย์วิจัยฯ จะแนะนำการปลูกทุกขั้นตอน ส่งผลให้ผลผลิตของเกษตรกรเพิ่มขึ้น
ด้าน อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า นอกจากนี้ ศวพ.อุดรธานี ยังผลิตพืชพันธุ์ดีของกรมวิชาการเกษตร 2 ชนิด ได้แก่ อ้อยพันธุ์ขอนแก่น 3 และถั่วลิสงพันธุ์ไทนาน 9 และพันธุ์ขอนแก่น 6 กระจายให้เกษตรกรในพื้นที่ นำไปปลูกได้เป็นพื้นที่กว่า 900 ไร่ รวมทั้งผลิตชีวภัณฑ์ จำนวน 6 ชนิด เพื่อให้เกษตรกรใช้ทดแทนสารเคมี อย่างไรก็ตาม นอกจากงานวิจัยแล้วกรมวิชาการเกษตรยังได้มีนโยบายที่จะให้นำสวนยางพารา ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นเข้าโครงการคาร์บอนเครดิต เพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราอีกทางหนึ่ง เบื้องต้นได้หารือกับศวพ.หนองคาย ซึ่งมีพื้นที่ปลูกยางประมาณ 69,588 ไร่ เพื่อหาแนวทางที่จะนำพื้นที่สวนยางพาราในจังหวัดเข้าโครงการดังกล่าว
โอกาสนี้ น.ส.มนัญญา กล่าวพบปะและมอบนโยบายหน่วยงานในสังกัด มอบปัจจุยการผลิตแก่กลุ่มเกษตรกร และเยี่ยมชมนิทรรศการผลการดำเนินงานของศูนย์วิจัยฯ โครงการทดสอบและพัฒนาพืชพลังงานเพื่อผลิตไบโอดีเซล โครงการวิจัยพัฒนาและขยายผลนวัตกรรมการผลิตปาล์มน้ำมันด้วยการจัดการที่เหมาะสม โครงการพัฒนาเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ โครงการแปลงเรียนรู้เกษตรอัจฉริยะการผลิตมะม่วงนอกฤดูจังหวัดอุดรธานี งานผลิตพันธุ์พืชการขยายผลชีวภัณฑ์สู่กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี โครงการศูนย์สาธิตการพัฒนาเกษตรแบบผสมผสานบ้านยามกาน้อย อันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ และงานสารวัตรเกษตร และปล่อยขบวนรถสารวัตรเกษตร ออกปฏิบัติงานควบคุมปัจจัยการผลิตให้มีคุณภาพ รับฤดูกาลผลิตใหม่
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี