'นฤมล'เผย'มหกรรมพืชสวนโลก' จ.อุดรธานี เงินสะพัดกว่า 3.2 หมื่นล้าน มั่นใจเสร็จทันตามเวลา พร้อมเชิญ ปชช.ร่วมเป็นเจ้าภาพต้อนรับ นทท.จากทั่วโลก
เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2568 เวลา 09.00 น.ศ.ดร นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า งานมหกรรมพืชสวนโลก ที่จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569 ถือว่า เป็นงานระดับโลกที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมกับประชาชนในท้องถิ่นให้มีบทบาทร่วมคิด ร่วมสร้าง ซึ่งจะเป็นการปลูกฝังความภาคภูมิใจและการเป็นเจ้าภาพร่วมกันได้เป็นอย่างดี ในส่วนของผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในช่วงการจัดงาน 134 วันนั้น คาดว่าจะมีจำนวนผู้เข้าร่วมงานกว่า 3.6 ล้านคน ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้นและมีกระแสเงินสดหมุนเวียนเข้าสู่ประเทศกว่า 32,000 ล้านบาทจากการขยายตัวของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร่วมงาน ก่อให้เกิดการกระตุ้นการใช้จ่าย รวมถึงการใช้จ่ายเงินของภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ อัตราการจ้างงานระหว่างการจัดงานก็จะเพิ่มขึ้นประมาณ 81,000 ตำแหน่ง ซึ้งการจ้างงานดังกล่าวเกิดจากการขยายตัวจากกิจกรรมหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดงาน กิจกรรมด้านการท่องเที่ยว และกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่นๆ อันจะส่งผลดี เป็นการป้องกันการไหลออกของแรงงานท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำหนดให้ทุกประเทศที่จะมาจัดแสดงจะต้องจ้างแรงงานท้องถิ่นในการจัดทำสวนเท่านั้น
ศ.ดร นฤมล กล่าวต่อว่า กระทรวงเกษตรฯได้กำชับและให้แนวทางกับทุกหน่วยงานในการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจกับความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติ โดยการจัดงานดังกล่าวอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ หรือ AIPH ซึ่งให้ความสำคัญกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน มีการกำหนดให้มีการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังส่งเสริมการสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องสิ่งแวดล้อมให้แก่ประชาชนและผู้เข้าร่วมงานอย่างทั่วถึง โดยงานยังเปิดโอกาสให้ประเทศต่าง ๆ ได้นำเสนอวิถีการใช้ชีวิตกับพืชพรรณ และสายน้ำ การอยู่ร่วมกัน อาศัยพึ่งพากันระหว่างคนกับธรรมชาติ ส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และการพัฒนาต่อยอด ซึ่งไม่จำกัดอยู่แค่ในด้านพืชสวนเท่านั้น แต่รวมไปถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนอีกด้วย
ทั้งนี้ ศ.ดร นฤมล เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานด้านความคืบหน้าการก่อสร้างอาคาร ระบบสาธารณูปโภค และงานภูมิสถาปัตย์ จากกรมวิชาการเกษตรว่าได้ส่งมอบพื้นที่ให้แก่ผู้รับจ้างก่อสร้างเข้าพื้นที่เพื่อดำเนินการก่อสร้างฯ แล้ว และมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างอาคาร ระบบสาธารณูปโภค และงานภูมิสถาปัตย์ แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดเพื่อให้ทันเปิดงานในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2569 ได้อย่างแน่นอน
“มหกรรมพืชสวนโลก จ.อุดรธานี พ.ศ. 2569 ไม่เพียงเป็นการแสดงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพงานระดับโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เสริมสร้างทักษะ เปิดโอกาสทางเศรษฐกิจ และสร้างการมีส่วนร่วมในทุกระดับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตร ร่วมกับ จังหวัดอุดรธานี และ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) จึงขอเชิญประชาชนร่วมเป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้มาเยือนจากทั่วโลก พร้อมนำเสนออัตลักษณ์ของไทยสู่เวทีนานาชาติ ระหว่างวันที่ 1 พ.ย.69 - 14 มี.ค.70 ณ พื้นที่ชุ่มน้ำหนองแด ตำบลกุดสระ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี“ศ.ดร นฤมล กล่าว
ทั้งนี้ งานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569 จัดขึ้นภายใต้แนวความคิด Diversity of Life: Connecting People, Water and Plants for Sustainable Living ที่สื่อถึงความหลากหลายแห่งสรรพชีวิต สายสัมพันธ์แห่งผู้คน สายน้ำ และพืชพรรณสู่การดำรงชีวิตที่ยั่งยืน โดยมีการออกแบบแผนแม่บทของโครงการให้สอดคล้องกับลักษณะทางกายภาพของพื้นที่จัดงานของจังหวัดอุดรธานีซึ่งเป็นการจัดงานบนพื้นที่ชุ่มน้ำ (Wetland) ครั้งแรกของโลก โดยมุ่งเน้นการวาง Roadmap ควบคู่ไปกับแผนการพัฒนาจังหวัดอุดรธานี โดยได้ตั้งเป้าหมายเพื่อการส่งเสริมและพัฒนาท้องถิ่นไทยน่าอยู่อย่างยั่งยืนสู่สังคมสีเขียว สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี