ผู้ว่าฯตราดแจงละเอียดยิมสถานการณ์โรคมาลาเรียจากลิง เผยตราดพบผู้ป่วยสะสมตั้งแต่1 ตุลาคม 2564 - 24 พฤษภาคม 2565 จำนวน 12 ราย ส่วน "ฝีดาษจากลิงในประเทศไทยและตราด" ไม่พบ ชี้ผู้ป่วยตามที่ข่าวระบุเป็นข่าวปลอม ด้านผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกาะช้าง เผยหลังมีข่าวพบผู้ติดเชื้อฝีดาษจากลิงที่เกาะช้างทำให้ นทท.กลัวและจยกเลิกการเดินทางไปแล้วส่วนหนึ่ง ชี้ข่าวที่ออกมาสร้างความสับสนให้กับชาวตราดและเกาะช้างมาก
นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวระบุว่าจังหวัดตราดพบผู้ป่วยเป็นไข้มาลาเรียที่ติดเชื้อจากลิงหรือที่เป็นไข้มาลาเรียสายพันธุ์โนวไซและมีการเผยแพร่ข่าวผ่านทางโชเชียลทั่วไปในจังหวัดตราดว่าพบมีผู้ป่วยฝีดาษลิงนั้นว่า จากข้อมูลจากระบบมาลาเรียออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 - 24 พฤษภาคม 2565 พบผู้ป่วยสะสม 2,614 รายไม่พบผู้เสียชีวิต จังหวัดที่พบผู้ป่วยมากที่สุด 3 อันดับแรกได้แก่ 1.ตาก 1,470 ราย 2.แม่ฮ่องสอน 433 ราย 3.กาญจนบุรี 204 ราย ผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ.2564 จำนวน 1.8 เท่า เป็นคนไทย ร้อยละ 48.8 และต่างชาติ ร้อยละ 51.2 ชนิดเชื้อส่วนใหญ่ คือ P.vivax 2,414 ราย (ร้อยละ 92.35), P.knowlesi 103 ราย (ร้อยละ 3.94),P.falciparum 61 ราย (ร้อยละ 2.33) และอื่นๆ 36 ราย (ร้อยละ 1.38)
"สำหรับจังหวัดตราดพบผู้ป่วยสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 - 24 พฤษภาคม 2565 จำนวน 12 ราย อัตราป่วย 5.53 ต่อแสนประชากร โดยพบผู้ป่วยที่ อ.บ่อไร่ 3 ราย (อัตราป่วย 8.72 ต่อแสนประชากร) สัญชาติไทย 10 รายกัมพูชา 2 ราย เพศชาย 10 ราย หญิง 2 ราย (5 : 1) แบ่งเป็น อ.เกาะช้าง 9 ราย (อัตราป่วย 114.53 ต่อแสนประชากร) โดยเชื้อที่พบ P.knowlesi 12 ราย (อ.เกาะช้าง 9 ราย อ.บ่อไร่ 3 ราย) โดยพบรายแรกเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564 และรายล่าสุดเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2565 จำนวนผู้ป่วยจำแนกรายสัปดาห์ ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2564 - 24 พฤษภาคม 2565”
ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวอีกว่า มาตรการดำเนินการควบคุมโรคไข้มาลาเรียในพื้นที่ 1.ค้นหาผู้ติดเชื้อมาลาเรียบริเวณรอบบ้านผู้ป่วย โดยการเจาะเลือดรอบบ้านในรัศมี 1-2 กม.และบริเวณแหล่งแพร่เชื้อนอกกลุ่มบ้านผู้ป่วย ซึ่งไม่พบผู้ป่วยเพิ่ม 2.ศึกษาทางด้านกีฎวิทยายุงพาหะ พบว่ายุงก้นปล่องที่สามารถนำเชื้อมาลาเรียได้ (Anopheles dirus พาหะรอง Anopheles epiroticus) เมื่อนำมาตรวจ PCR ไม่พบเชื้อมาลาเรีย 3.ทำการฉีดพ่น IRS ชุบมุ้ง แจกมุ้ง ชุมชนที่พบผู้ป่วย 4.ศึกษาแหล่งรังโรค จับลิงเพื่อนำเลือดส่งตรวจ ผลไม่พบเชื้อ P.knowlesi และ 5.ได้สื่อสารความเสี่ยงไปให้ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงนักท่องเที่ยวเพื่อให้เฝ้าระวังตนเองเมื่อเดินทางออกจากพื้นที่เสี่ยง
นายชำนาญวิทย์ กล่าวย้ำอีกว่า ในส่วนเชื้อโรคฝีดาษลิงที่เกิดขึ้นในแอฟริกานั้นประเทศไทยและจังหวัดตราดยังไม่พบเชื้อโรคตัวนี้ในประเทศไทยและยังไม่มีผู้ป่วยติดในประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดตราดไม่มีการพบว่ามีชาวตราดติดเชื้อตัวนี้ การเผยแพร่ข่าวนี้ออกไปเพื่อให้ทุกคนระวังและเมื่อเดินทางไปต่างประเทศในประเทศแอฟริกา และกลุ่มประเทศในยุโรปและสิงคโปร์ที่พบเชื้อฝีดาษแล้วต้องระวังและไม่อยู่ใกล้ชิดกับใคร เพื่อไม่ให้เกิดการสัมผัส ซึ่งอาจจะติดเชื้อได้ จึงไม่อยากให้นักท่องเที่ยวตื่นกลัว เพราะจังหวัดตราดและอำเภอเกาะช้างไม่พบเชื้อตัวนี้
ด้านนางสาวจารุวรรณ จินตกานนท์ อดีตนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดตราด เปิดเผยว่า ข่าวที่มีการเผยแพร่ออกไปว่าพบผู้ติดเชื้อฝีดาษจากลิงจำนวน 9 คนที่อำเภอเกาะช้างเมื่อ 2 วันที่ผ่านมานั้น ทำให้นักท่องเที่ยวกลัวและตัดสินใจยกเลิกการเดินทางไปแล้วส่วนหนึ่งจึงอยากจะแจ้งให้นักท่องเที่ยวได้ทราบว่าอำเภอเกาะช้างไม่พบเชื้อตัวนี้แต่อย่างใด
นายประสาท ศรีบุญจิต เจ้าของโรงแรมร่วมไม้ชายเล ต.เกาะช้างใต้ อ.เกาะช้าง จ.ตราด กล่าวว่า ข่าวที่ออกมาได้สร้างความสับสนกับชาวตราดและชาวเกาะช้างมาก เพราะโรงแรมของตนมีเจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมโรค และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดตราด และศูนย์ควบคุมโรคติดต่อนำโดยแมลงที่ 6.4 จังหวัดตราดมาพักอยู่ 30 คนเพื่อมาเก็บข้อมูลทั้งจากลิง และจากเก็บตัวอย่างจากยุงก้นปล้องพร้อมมารักษาผู้ติดเชื้อมาลาเรีย 3 รายที่ติดเชื้อจากยุงที่กัดลิงแล้วติดเชื้อ ซึ่งรักษาหายไปแล้วและได้มีการประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่แล้ว ส่วนข่าวที่มีการเผยแพร่ออกไปว่าพบชาวเกาะช้างติดเชื้อฝีดาษจากลิง 9 คนนั้นไม่เป็นความจริงแต่ประการใดๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี