‘ประยุทธ์’สั่งตรวจเข้มก่อนเปิด1มิ.ย.
อ่าง-ผับ-โอเกะ
ป่วยโควิดขาลงแค่4,488รายตาย38
‘หมอทวีศิลป์’ATK2ขีดขอพัก10วัน
WHOยันฝีดาษลิงตรวจเจอเร็วคุมได้
สธ.ชี้โควิดไทยดีวันดีคืน ติดเชื้อรายวัน 4,488 รายตาย 38 ศพ ไม่พบมีผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ เล็งชงปรับตัวเลขติดโควิดรายใหม่ เลิกแสดงยอดATK โชว์เฉพาะผู้ป่วยมีอาการเข้ารพ. ด้าน“นายกฯ” สั่งผู้ว่าฯ-สสจ.ทั่วปท.ตรวจเข้มติดตามประเมินผลสถานบันเทิงผับ บาร์ คาราโอเกะ ปฏิบัติตามข้อกำหนดและมาตรการด้านสาธารณสุข เตรียมพร้อมรับเปิดกิจการ 1 มิถุนายน ขณะที่ WHO ยันฝีดาษลิงป้องกันได้
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) มีมติผ่อนคลายมาตรการให้เปิดกิจการผับ บาร์ คาราโอเกะได้ในพื้นที่โซนสีเขียว-สีฟ้า เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน โดยมีมาตรการควบคุม เฝ้าระวังการระบาดโควิด-19 อาทิ เปิดไม่เกินเวลา 24.00 น. หลีกเลี่ยงใช้ภาชนะร่วมกัน ตรวจ ATK ในกลุ่มผู้ให้บริการ และประชาชนที่จะรับบริการต้องฉีดวัคซีนครบตามที่กำหนด เพื่อให้การควบคุมและป้องกันการระบาดให้มีประสิทธิภาพและกระตุ้นกิจกรรมเศรษฐกิจส่งผลดีต่อประเทศ’
สั่งตรวจอ่างก่อนเปิด1มิย.
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับผู้ว่าราชการจังหวัด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนกลางและระดับพื้นที่ลงพื้นที่ตรวจสอบและประเมินผลกลุ่มสถานบริการ สถานประกอบการ ที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน และผู้รับบริการให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดและมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างจริงจังเคร่งครัด”นายธนกรกล่าว
และว่า การเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะวันที่ 1 มิถุนายนนั้น ศบค.ผ่อนคลายมาตรการให้เปิดกิจการได้เฉพาะพื้นที่สีเขียว-สีฟ้า คือพื้นที่เฝ้าระวัง 14 จังหวัดคือ ชัยนาท พิจิตร อ่างทอง น่าน มหาสารคาม ยโสธร นครพนม ลำปาง อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ ตราด สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ และอุดรธานี และพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) 17 จังหวัดคือ กรุงเทพฯ กระบี่ กาญจนบุรี จันทบุรี ชลบุรี เชียงใหม่ เชียงราย นครราชสีมา นนทบุรี นราธิวาส ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ พังงา เพชรบุรี ภูเก็ต ระยอง สงขลา เท่านั้น ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังสูง 46 จังหวัด ยังไม่อนุญาตให้เปิดกิจการ
ไทยติดเชื้อ4,488-ตาย38ราย
วันเดียวกัน ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยรายวันพบว่า มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 4,488 รายใหม่ แบ่งเป็นผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 4,468 ราย ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 8 ราย เรือนจำ/ที่ต้องขัง 12 ราย ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศไม่พบผู้ติดเชื้อ รวมผู้ป่วยสะสม 2,215,564 ราย ตั้งแต่ 1 มกราคม ขณะที่หายป่วยกลับบ้าน 3,921 ราย รวมหายป่วยสะสม 2,193,823 รายตั้งแต่ 1 มกราคม โดยมีผู้ป่วยกำลังรักษา 46,734 ราย และเสียชีวิต 38 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 29,348 ศพ (ตั้งแต่ปี 2563) ผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 939 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 461 คน เฉลี่ยจังหวัดละ 12 ราย อัตราครองเตียง ร้อยละ 13.7 ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,438,999 ราย ประเทศไทยเป็นอันดับที่ 24 ของโลก
ฉีดวัคซีนสะสม137ล.-เข็ม4ได้3.3ล.
ส่วนความคืบหน้าการให้บริการวัคซีนโควิดของไทย ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 - 26 พฤษภาคมฉีดได้ทั้งหมด 137,222,998 โดส ซึ่งรวมยอดสะสมฉีดวัคซีนโควิดแก่กลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์- 26 พฤษภาคม 4,483,011 โดส จำแนกเป็นผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 56,689,510 โดส วัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 52,517,767 โดส วัคซีนเข็มที่ 3 จำนวน 24,650,984 โดส และวัคซีนเข็มที่ 4 จำนวน 3,364,737 โดส สำหรับ 10 อันดับจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศสูงสุด อันดับที่ 1 ยังคงเป็นกรุงเทพมหานคร (กทม.) 1,986 ราย อันดับ 2 ขอนแก่น 173 ราย อันดับ 3 บุรีรัมย์ 139 ราย อันดับ 4 นนทบุรี 115 ราย อันดับ 5 ชลบุรี 112 ราย อันดับ 6 สมุทรสาคร 105 ราย อันดับ 7 มหาสารคาม 93 ราย อันดับ 8สมุทรปราการ 87 ราย อันดับ 9 นครราชสีมา 81 ราย และอันดับ 10 ชัยภูมิ 78 ราย
จ่อปรับรายงานยอดติดเชื้อไม่โชว์ATK
ด้านพญ.สุมณี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ในฐานะผู้ช่วยรองโฆษก ศบค.ให้สัมภาษณ์กรณีที่ระบบ Dashboard ของกรมควบคุมโรค ไม่ได้รายงานตัวเลขติดเชื้อจากการตรวจ ATK รายวันว่า การติดเชื้อโควิดปัจจุบันกว่า 50% เป็นผู้ติดเชื้อโดยไม่มีอาการเลย ฉะนั้น การรายงานผลจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไป เน้นกลุ่มผู้ติดเชื้อที่มีอาการมากกว่า เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน นอกจากนี้ หลังวันที่ 1 มิถุนายนไปแล้วมีแผนจะเปลี่ยนการรายงานเป็นรายงานจำนวนผู้ป่วยที่มีอาการและเข้าโรงพยาบาลเป็นหลัก โดยวันที่ 30 พฤษภาคมจะเสนอแผนปรับรูปแบบรายงานผู้ติดเชื้อในที่ประชุมอีโอซี กระทรวงสาธารณสุข ก่อนปรับรูปแบบใน ศบค. ทั้งนี้ การนำตัวเลข ATK ออกจากระบบรายงานไม่ส่งผลกระทบต่อการคาดการณ์สถานการณ์โควิด เพราะความรุนแรงของโควิดลดลง เราจึงต้องเน้นเฉพาะผู้ที่มีอาการจริงๆ ที่ต้องเข้าระบบดูแลรักษา เพราะส่วนใหญ่เมื่อติดเชื้อก็อาการน้อย เข้าระบบเจอแจกจบ(OPD) หรือรักษาที่บ้าน(HI)
สธ.ชี้โควิดดีขึ้น-ย้ำกลุ่ม608ฉีดเข็มกระตุ้น
ขณะที่นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า คณะกรรมการประมวลสถานการณ์โควิด 19 (MIU) กระทรวงสาธารณสุขเสนอข้อมูลสถานการณ์โควิดในที่ประชุม EOC กระทรวงสาธารณสุขระบุสถานการณ์ดีขึ้นมาก ความรุนแรงของเชื้อลดลง ระดับภูมิคุ้มกันของประชาชนอยู่ในระดับสูงขึ้นมาก ทั้งจากการฉีดวัคซีนและติดเชื้อก่อนหน้านี้ มาตรการสำคัญขณะนี้ ต้องขอความร่วมมือประชาชน ขอให้กลุ่มเสี่ยง ผู้มีโรคประจำตัวและผู้สูงอายุมารับวัคซีนเข็มกระตุ้นลดโอกาสป่วยรุนแรงและเสียชีวิต นอกจากนี้ ยังมอบหมายทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อม พัฒนาระบบสาธารณสุขรับมือประเด็นท้าทายหลังพ้นยุคโควิด ตามที่ คณะกรรมการ MIU กระทรวงสาธารณสุขให้ข้อเสนอแนะทางนโยบาย
หมอทวีศิลป์แจ้งติดโควิดขอพัก10วัน
วันเดียวกัน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 10 และโฆษก ศบค.โพสต์แจ้งข่าวในเพจเฟซบุ๊ก“More ทวีศิลป์” ขอพักงาน 10 วัน เนื่องจากได้ตรวจโควิด-19 ด้วยชุดตรวจ ATK ผลตรวจพบว่าขึ้น 2 ขีด มีอาการเจ็บคอเล็กน้อย
WHOชี้ตรวจเข้มเจอเร็วคุมระบาดได้
ด้านสถานการณ์ระบาดโรคฝีดาษลิง สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ซิลเวีย ไบรอันด์ ผู้อำนวยการฝ่ายเตรียมความพร้อมสำหรับอันตรายจากการติดเชื้อทั่วโลกขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวระหว่างประชุมประจำปีขององค์การอนามัยโลกว่า สิ่งที่ควรให้ความสำคัญเป็นหลักขณะนี้คือ พยายามจำกัดการระบาดในประเทศที่โรคดังกล่าวไม่ใช่โรคเฉพาะถิ่น มาตรการที่จำเป็นรวมถึงการตรวจหาเชื้อแต่เนิ่นๆ กักบริเวณเมื่อเจอผู้ติดเชื้อ และติดตามตรวจสอบเส้นทางผู้สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ ประเทศต่างๆ ต้องดำเนินการรวดเร็วเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของฝีดาษลิง และแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับคลังวัคซีนที่มีอยู่ หากวางมาตรการที่เหมาะสมตั้งแต่เวลานี้ เราน่าจะควบคุมได้ง่าย
จี้ทุกปท.เช็คสต๊อกวัคซีนไข้ทรพิษ
“ประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลกควรแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับสต๊อกวัคซีนไข้ทรพิษรุ่นแรกที่สามารถใช้กับโรคฝีดาษลิงได้ เพราะขณะนี้เราไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับจำนวนวัคซีนดังกล่าวที่มีอยู่ทั่วโลก จึงขอให้ประเทศต่างๆ แจ้งข้อมูลให้ทราบ เพราะวัคซีนมีอยู่จำกัด”
ไม่แนะนำฉีดวัคซีนหมู่เน้นเฉพาะคน
เจ้าหน้าที่ขององค์การอนามัยโลกผู้นี้ ไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนจำนวนมากให้คนทั่วไปเพื่อป้องกันการระบาดของฝีดาษลิง แต่แนะนำให้ฉีดวัคซีนโดยกำหนดเป้าหมายเฉพาะผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อเท่านั้น ส่วนการติดตามสอบสวนผู้ติดเชื้อแต่ละกรณี การตามร่องรอยผู้สัมผัส และการแยกกักตัวที่บ้านคือทางออกที่ดีที่สุด
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าการตรวจหาผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงในหลายประเทศว่า มีรายงานพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงรายแรกในทวีปละตินอเมริกาแล้ว ในประเทศอาร์เจนตินา โดยกระทรวงสาธารณสุขอาร์เจนตินาเผยว่า ผู้ป่วยมีสุขภาพดี ขณะที่ผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยเข้าระบบกักตัวสังเกตอาการแล้ว แต่ยังไม่มีอาการ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี