‘อนุทิน’ยัน 9 มิ.ย.นี้‘เสรีกัญชา’ แต่เตือนใช้ให้ถูกต้อง บอก สธ.จ่อประกาศกฎกระทรวงคุมการใช้ ระหว่างรอสภาคลอด พ.ร.บ.กัญชา กัญชง
31 พฤษภาคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณีเตรียมการสำหรับประกาศกระทรวงสาธารณสุข ที่ปลดกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติดประเภท 5 มีผลวันที่ 9 มิ.ย. แต่ขณะเดียวกันร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ยังไม่ประกาศใช้ ว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ป.ป.ส. กระทรวงสาธารณสุขมาหารือกัน แต่ไม่ใช่เรื่องที่น่าวิตกแต่อย่างใด เพราะนโยบายกัญชา ที่กระทรวงสาธารณสุขผลักดันมาโดยตลอด คือการนำกัญชาหรือกัญชงมาใช้ เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ ในเรื่องของสุขภาพ และเป็นการทำในลักษณะการเพิ่มมูลค่า ให้กับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ไม่มีส่วนใดที่จะส่งเสริม ไปใช้ในทางที่เป็นโทษ หรือก่อให้เกิดความรำคาญกับสาธารณะ
ขณะเดียวกันกระทรวงสาธารณสุขได้มีการประชุม คณะกรรมการที่กำหนดว่า อะไรก็ตามที่มีการสูบหรือเสพแล้ว ก่อให้เกิดความรำคาญ ทั้งในเรื่องกำหนดให้กลิ่น และควันกัญชา กัญชง หรือพืชอื่นใดในทำนองเดียวกัน เป็นเหตุรำคาญ พ.ศ. ... กระทรวงสาธารณสุข ก็จะมีประกาศที่กำหนดให้ ไม่สามารถทำการสูบหรือเสพได้ในที่สาธารณะ ซึ่งคณะกรรมการได้มีความเห็นชอบแล้ว และจะเสนอให้ตนลงนามต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าการปลูกโดยเสรีของประชาชนนั้นจะต้องรอให้มีการประกาศในวันที่ 9 มิถุนายนนี้ก่อนใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ต้องรอ สามารถปลูกในบ้านได้ แต่อย่านำไปขายหรือใช้นอกครัวเรือน หรือกรณี ใบกัญชาที่ไม่ได้กำหนดเป็นยาเสพติดก็สามารถซื้อขายได้ แต่ถ้าจะให้ชัวร์ก็รอวันที่ 9 มิถุนายน ตอนนี้เจ้าหน้าที่ก็รับทราบแล้วว่ากัญชา กัญชงไม่ใช่พืชยาเสพติด
เมื่อถามว่าจะป้องกันเยาวชนไม่ให้เสพอย่างไร เพราะเขาอาจหลีกเลี่ยงไม่เสพในที่สาธารณะแต่ไปเสพภายในบ้านแทน นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ต้องเร่งทำความเข้าใจ เพราะไม่ได้มีใครเขียนไว้ว่า การสูบกัญชาโดย นำช่อดอกมาตากแห้งแล้วมามวนเป็นบุหรี่ เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ ดังนั้นเยาวชน ผู้ปกครอง ครู อาจารย์ และกระทรวงสาธารณสุข ต้องรณรงค์ ให้เด็กและเยาวชนเข้าใจตรงนี้
"เราไม่ได้ทำมาเพื่อสายควัน สายเขียว แต่เราทำมาเพื่อสายร่ำรวย เป็นการเสริมสร้างธุรกิจ กัญชากัญชงให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และเน้นในเรื่องของสุขภาพเป็นยา เป็นสมุนไพร เป็นอาหาร เป็นเครื่องดื่ม ที่ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อร่างกาย"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือว่ากัญชา กัญชง เป็นพืชเศรษฐกิจอีกตัวหนึ่งของประเทศไทยได้ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใช่ ถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่จะเสริมสร้างรายได้ ให้กับประชาชน เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งเห็นได้จากจำนวนการขอขึ้นทะเบียนต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่มีเป็นจำนวนมาก หากเป็นสิ่งไม่เหมาะสมไม่ถูกต้องคงไม่มีใครมาขออนุญาตมากขนาดนี้ และการที่มาขออนุญาต ก็เป็นการควบคุมในระดับหนึ่ง ดังนั้นอะไรที่นอกเหนือจากตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่ไม่พึงกระทำ
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ กัญชา กัญชงที่อยู่ในสภา ก็ได้มีการตกลงให้เลื่อน การพิจารณาให้เร็วขึ้น คือวันที่ 8 มิถุนายน นั่นแสดงให้เห็นว่า บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้เห็นความสำคัญ ที่จะให้มีการเปิดเสรีกัญชา ทางการแพทย์ และเห็นควรที่จะให้มีกฎหมายออกมากำกับ ดูแล และในระหว่างที่รอสภาผ่านกฎหมาย มาใช้เราก็จะใช้กฎกระทรวงเรื่องกำหนดให้กลิ่น และควันกัญชา กัญชง หรือพืชอื่นใดในทำนองเดียวกัน เป็นเหตุรำคาญ พ.ศ. ... ไปพลางก่อน
เมื่อถามว่าจะไม่ทำให้เกิดสุญญากาศอย่างที่มีการวิจารณ์ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ไม่รู้จะไปวิพากษ์วิจารณ์อะไรกันมากมาย บอกแล้วว่าเป็นการเปิดนโยบายใช้กัญชาเสรีทางการแพทย์ ยังไม่เคยมีสักครั้งหนึ่งที่กระทรวงสาธารณสุข หรือ พรรคภูมิใจไทย ไปพูดรณรงค์ให้มีการใช้กัญชาเสรี ในทุกด้าน แต่ได้ย้ำบอกทุกครั้งว่าอย่าไปใช้ในทางที่เป็นโทษ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ที่มีคนมาบอกว่าทำไมไม่เลื่อนกฎหมายนี้ออกไปก่อน ตนก็ได้บอกว่า คนมาขออนุญาตขึ้นทะเบียนเป็นพันๆคน เขาเตรียมสร้างโรงงาน เตรียมเงินทุน เตรียมซื้อวัตถุดิบ ที่จะผลิตส่งลูกค้าอย่างมากมาย หากเราเลื่อน ก็จะกระทบกับผู้ที่มีเจตนาที่ต้องการทำกัญชากัญชง เพื่อเสริมรายได้ เขาต้องจ้างคนงานอีกเท่าไหร่ สร้างรายได้ให้ประเทศอีกเท่าไหร่ เสียภาษีเท่าไหร่ และยังมีการทำวิจัยเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มคุณภาพอีก สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ดี ดังนั้นเราจะไปเอาความกังวล แค่ของบางคน หรือต้องไปหยุดเพื่อเขา จนทำให้เกิดผลกระทบกับคนที่ตั้งใจ ทำประโยชน์ให้บ้านเมือง ตนคิดว่าเราไม่นำสิ่งนั้นมาแลกหรอก
เมื่อถามว่าแสดงว่าในวันที่ 9 มิถุนายนนี้เปิดเสรีกัญชาได้เลยใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า "ก็เสรีไง เสรีได้เลย แต่ใช้ให้มันถูกต้อง"
เมื่อถามว่า กรณีที่มีการนำไปใช้ในทางที่ผิดจะมีบทลงโทษอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า สังคมต้องดู เพราะหากตน ยืนอยู่ตรงนี้แล้วควักบุหรี่ หรือกัญชาขึ้นมาสูบ หรือแม้แต่การสูบบุหรี่ในภัตตาคาร โรงหนัง โดยอ้างว่าเป็นสิทธิ ซึ่งกฎหมายอาจเอาเข้าคุกไม่ได้ แต่จะยืนอยู่ท่ามกลางสังคมที่จ้องมองอยู่ ได้หรือไม่ เพราะจะกลายเป็นตัวประหลาด น่ารังเกียจ เราก็ต้องประเมินสิ่งเหล่านี้เอง ดังนั้นเรื่องนี้ขึ้นอยู่ที่ผู้ปกครองเองด้วยที่จะให้ความรู้บุตรหลาน ว่า เรื่องใดเป็นสิ่งไม่ดี อย่าไปข้องแวะ
ผู้สื่อข่าวถามว่าพ.ร.บ.กัญชาฯ ที่จะเข้าสภาในวันที่ 8 มิถุนายนนี้ จะมีผลบังคับใช้ได้เมื่อไหร่ นายอนุทิน กล่าวว่า สภาต้องพิจารณาไปตามวาระ แต่เรื่องนี้ไม่มีอะไรสำคัญ เพราะกฎหมายที่ดีที่สุดคือไม่ต้องมีกฎหมายบังคับ แต่ใช้สามัญสำนึก ความห่วงใย ห่วงหาอาทร ซึ่งกันและกัน ใช้กติกาทางสังคม นี่คือสิ่งที่ดีที่สุด
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี