10 มิถุนายน 2565 จากกรณีมีรถกระบะขนแรงงานต่างด้าวชาวพม่าหลบหนีเข้าประเทศทางชายแดนพม่าผ่านเส้นทางธรรมชาติ จำนวน 38 คน เป็นชาย 36 คน และหญิง 2 คน ถูกทิ้งบริเวณป่าละเมาะริมถนนสายนครศรีธรรมราช - ปากพนัง หมู่ 1 ต.ท่าไร่ อ.เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่ง จนท.คาดว่า เตรียมส่งไปค้าแรงงานที่ประเทศมาเลเซีย แต่มีชาวบ้านมาพบก่อน จึงแจ้ง จนท.ฝ่ายปกครอง ผู้นำชุมชน และตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เข้ามาตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบเอกสารการเข้าประเทศที่ถูกกฎหมาย จึงนำกลุ่มแรงงานต่างด้าวชาวพม่าทั้ง 38 คน ไปพักที่ศูนย์ฟื้นฟู กองร้อย อส.จ.นครศรีธรรมราช เพื่อรอการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดนายสุเทพ แก้วประดิษฐ์ นายอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เผยความคืบหน้าในการตรวจสอบที่มาที่ไปของแรงงานต่างด้าวชาวพม่าทั้ง 38 ราย เบื้องต้น จนท.สาธารณสุข ทำการตรวจหาเชื้อโควิด -19 ทั้งหมด ไม่พบผลบวกแต่อย่างใด ส่วนใหญ่มีเพียงบัตรประจำตัวคนเมียนมา แต่ไม่มีหลักฐานการเข้าเมืองโดยถูกต้อง จากนั้นนำตัวทั้งหมดไปควบคุมตัวไว้ที่กองร้อย อส.จ.นศ.ที่ 1 ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อรอทีมสหวิชาชีพ ประกอบด้วย จนท.อัยการจังหวัด พัฒนาสังคมฯ จนท.ตม.และตำรวจ ร่วมสอบสวนเพื่อคัดแยกว่าแรงงานต่างด้าวชาวพม่าทั้ง 38 ราย ว่าเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์หรือไม่ หากผลสอบสวนพบมีการเข้าข่ายขบวนค้ามนุษย์ จะทำการสอบสวนขยายผลไปยังตัวการ ผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังขบวนการค้ามนุษย์ต่อไป แต่หากสอบสวนพบว่า เป็นการหลบหนีเข้าเมือง ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย และผลักดันกลับประเทศภูมิลำเนาต่อไป
โดยจากการสอบถามแรงงานต่างด้าวชาวพม่าทั้ง 38 ราย สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ ให้ข้อมูลว่า เคยเข้ามาทำงานก่อสร้างที่ จ.ภูเก็ต ประมาณ 17 ปี มีบัตรประจำตัวคนต่างด้าว (บัตรสีชมพู) แต่หมดอายุ เมื่อเดือน ก.พ.65 และเดินทางกลับประเทศพม่า เมื่อเดือน ม.ค.65 เบื้องต้นทราบว่า ทั้งหมดเดินทางมาจากทวาย ประเทศเมียนมา ก่อนลักลอบเข้ามาฝั่งไทยด้วยการเดินเท้าข้ามภูเขา ถึงจุดพักรอช่วงกลางคืนวันที่ 8 มิ.ย.65 เวลาประมาณ 22.30 น. แต่ไม่ทราบว่าเป็นพื้นที่ใดของไทย ต่อมาเวลาประมาณ 23.00 น. มีรถยนต์กระบะมารับ จำนวน 2 คัน มีคนขับรถเป็นคนไทย (ไม่ทราบชื่อ) โดยนั่งในรถและท้ายกระบะ มีผ้าใบคลุมปิดทับไว้ ใช้เวลาเดินทางอยู่บนรถประมาณ 7 ชม. โดยคนขับรถ พามาทิ้งไว้ที่ป่าละเมาะในสวนปาล์มน้ำมัน เมื่อเวลา 06.00น.วันที่ 9 มิ.ย. บอกว่า ให้รอแล้วจะมีรถมารับเดินทางต่อ แต่ถูกชาวบ้านมาพบ และแจ้ง จนท.มาควบคุมตัวเสียก่อน
สำหรับแรงงานต่างด้าวชาวพม่าทั้งหมด ต้องการเดินทางไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายให้กับนายหน้าชาวเมียนมา ฝั่งเมียนมา คนละ 70,000 บาท จ่ายเงินไปแล้วคนละ 35,000 บาท อีก 35,000 บาท จะจ่ายเมื่อเดินทางถึงประเทศมาเลเซีย ขณะนี้ อยู่ระหว่างรอการสืบสวนสอบสวน คัดแยกจากสหวิชาชีพ เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาและผลักดันกลับประเทศต่อไป
ซึ่งจากการตรวจสอบและพูดคุยกับคนต่างด้าวชาวเมียนมา ที่สื่อสารภาษาไทยได้ เบื้องต้นน่าเชื่อว่า เป็นการสมัครใจเดินทางเข้ามาในไทย เพื่อไปทำงานประเทศมาเลเซีย ในหลายอาชีพ เช่น การเกษตร (เพาะเห็ด) ช่างพ่นสีรถยนต์ ล้างรถ ก่อสร้าง ฯลฯ ไม่ได้เป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ อย่างไรก็ตามจะต้องรอผลสอบจากสหวิชาชีพก่อน ถึงจะสรุปผลคดีได้
ขณะที่นายอนุวัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ชาวบ้านที่มาพบกลุ่มแรงงานต่างด้าวชาวพม่าคนแรก เล่าเหตุการณ์ ตอนเช้าตนนำฝูงวัวเข้าไปล่ามกินหญ้าภายในป่าละเมาะบริเวณดังกล่าวตามปกติ ปรากฏว่าพอเดินเข้าไปก็พบตนถึงตกใจเมื่อพบกลุ่มคนจำนวนมากนั่งรวมกลุ่มในป่าละเมาะ ทีแรกนึกว่าคนเข้ามาเสพยา แต่พอดูๆ ไปก็เลยมั่นใจว่าเป็นคนต่างด้าวแน่นอนจึงโทรศัพท์ไปแจ้งกำนันและตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว