‘บิ๊กตู่’ลมออกหูหวั่นแพร่โควิด
ผับบาร์แหกคอก
ไฟเขียวทุกหน่วยจัดหนัก
นครบาลทลาย‘แวมไพร์ผับ’
เปิดถึงตี4/เด้ง5เสือปทุมวัน
ติดเชื้อเพิ่ม2,501ราย-ตาย28
ยอดผู้ติดเชื้อโควิดรายวัน 2,501 ราย เสียชีวิต 28 ศพนายกฯ แนะจังหวัดที่ผู้ติดเชื้อยังสูงให้ใช้มาตรการป้องกัน-คัดกรองอย่างเข้มข้น รณรงค์ฉีดวัคซีน เน้นย้ำดูแลกลุ่มเสี่ยง 608 เป็นกรณีพิเศษ สั่งเพิ่มความเข้มงวด ตรวจตราสถานบันเทิง หลังมีการร้องเรียนเรื่องเปิดเกินเวลาที่กำหนดในหลายพื้นที่ ขณะที่เจ้าหน้าที่กรมการปกครองร่วมกับตำรวจ สน.ปทุมวัน บุกเข้าตรวจค้นแวมไพร์ผับ เขตปทุมวัน พบเปิดเกินเวลา มั่วสุมยาเสพติดเตรียมเอาผิดเจ้าของหลายข้อหา ด้าน ผบก.บก.น.6 สั่งเด้งฟ้าผ่า 5 เสือปทุมวัน ไปปฏิบัติราชการประจำที่ ศปก.บก.น.6
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม เป็นห่วงโดยเฉพาะในพื้นที่ 10 จังหวัด ที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังสูง อาทิ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี อุบลราชธานี สมุทรปราการ ให้คุมเข้มมาตรการป้องกัน/คัดกรอง รณรงค์ฉีดวัคซีน และดูแลกลุ่มเสี่ยง 608 เป็นกรณีพิเศษ ขอความร่วมมือเข้ารับการฉีดวัคซีนให้ครบตามเกณฑ์และรับวัคซีนเข้มกระตุ้นหลังพบผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ยังคงเป็นคนกลุ่มนี้ ขณะเดียวกันก็ให้กระทรวงสาธารณสุขเฝ้าระวังประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมการปฎิบัติหากพบยอดผู้ติดเชื้อสูงขึ้น ขอความร่วมมือทุกคนยังคงปฎิบัติตนตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
ป่วยใหม่2,501ราย เสียชีวิต28ศพ
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 วันนี้ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 2,501 ราย ไม่มีผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 2,258,954 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) หายป่วยกลับบ้านแล้ว 2,917 ราย หายป่วยสะสม 2,259,469 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 24,112 ราย โดยมีผู้ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลจำนวน 639 ราย และเสียชีวิต 28 ราย
ส่วนยอดการฉีดวัคซีน (ข้อมูล ณ 10 มิ.ย.65 เวลา 23.18 น.) สะสมรวมทั้งสิ้น 138,441,640 โดส จำแนกเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 56,826,807 เข็มที่ 2 จำนวน 52,861,813 โดสเข็มที่ 3 จำนวน 25,093,138 โดส และเข็มที่ 4 จำนวน 3,659,882 โดส
นายกฯสั่งเข้มงวดสถานบันเทิง
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้รับรายงานจากประชาชนผ่านหลายช่องทาง เกี่ยวกับการเปิดบริการสถานบันเทิงเกินเวลาที่กำหนด ภายหลังศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. อนุญาตให้เปิดบริการสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวด หรือสถานที่คล้ายกัน ได้ไม่เกิน 24.00 น. ในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 17 จังหวัด และพื้นที่เฝ้าระวัง 14 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา พบว่าสถานบันเทิงหลายพื้นที่ ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด ซึ่งมีความสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งยังสร้างความกังวลให้กับประชาชน จึงได้กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายปกครองและท้องถิ่น เพิ่มความเข้มงวด ตรวจตราสถานบันเทิงที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ
ย้ำดำเนินการตามก.ม.อย่างเต็มที่
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ย้ำให้เจ้าหน้าที่ไม่ปล่อยปละละเลยต่อการกระทำความผิด หากพบการกระทำความผิด ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่มีละเว้น และหากพบเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จะต้องถูกลงโทษทั้งทางวินัยและอาญา นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่ง เพื่อความปลอดภัยของส่วนรวม รวมถึงผู้ให้บริการเอง
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า หากประชาชนพบเห็นสถานบริการไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 สามารถแจ้งข้อมูลโดยตรงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงขอความร่วมมือให้ทุกภาคส่วนช่วยกัน เพราะแม้สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศจะคลี่คลายลงตามลำดับ แต่ก็ยังมีความจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังในการดำเนินกิจกรรม กิจการต่างๆ โดยเฉพาะกิจกรรมที่มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคมากว่ากิจกรรมอื่นๆ
บุกจับ ‘แวมไพร์ผับ’ เปิดเกินเวลา
ด้านเจ้าหน้าที่กรมการปกครองร่วมกับตำรวจ สน.ปทุมวัน บุกเข้าตรวจค้นแวมไพร์ผับ ย่านรองเมือง ซอย 5 เขตปทุมวัน หลังได้รับแจ้งว่าผับแห่งนี้เปิดให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าใช้บริการ ตั้งแต่เวลา 23.00-04.00 น. เกินเวลาที่กฎหมายกำหนดตลอดจนมีการลักลอบค้าประเวณีและมีแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายสัญชาติลาวและเมียนมาทำงานอยู่ภายในสถานบริการ รวมทั้งอาจมีการมั่วสุมเสพยาเสพติด
เบื้องต้นพบว่าสถานบริการดังกล่าว มีทางเข้าลึกลับ ด้านหน้าไม่มีป้ายบอกชื่อผับและมีลักษณะเป็นทางเข้าอาคารพาณิชย์ปกติ ที่ต้องผ่านประตูเหล็ก เมื่อเข้ามาแล้วจะมีประตูลับชั้นที่ 2 ก่อนเข้าสู่ตัวผับ
ตรวจนักเที่ยวพบสารเสพติดอื้อ
จากการตรวจค้นพบนักท่องเที่ยวชายหญิง ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติรวมไม่ต่ำกว่า 500 คนและเบื้องต้นในจำนวนนี้พบวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าใช้บริการอย่างน้อย 5 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำนักท่องเที่ยวทั้งหมดไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด เบื้องต้นพบปัสสาวะม่วงจำนวนหลายราย
นอกจากนี้ยังพบไอซ์และยาอีแบ่งอยู่ในถุงซิปขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังมียาเสพติดบางส่วนถูกห่อซุกซ่อนในธนบัตรอีกจำนวนหนึ่ง หล่นอยู่ตามพื้น เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง
เผยถูกสั่งปิดตั้งแต่ปี2561
นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง กรมการปกครอง เปิดเผยว่า สถานที่แห่งนี้เคยเป็นอู่ซ่อมรถ แล้วดัดแปลงเป็นผับ ให้บริการชาวต่างชาติ แต่ถูกสั่งปิดตามคำสั่ง คสช. ไปเมื่อประมาณปี 2561 แต่กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเจ้าของปัจจุบันที่เป็นชาวไทยอ้างว่าได้เซ้งกิจการมาจากเจ้าของเดิม โดยไม่มีใบอนุญาตประกอบสถานบริการ และอ้างว่าไม่ทราบว่ามีคำสั่งปิด 5 ปี อย่างไรก็ตามผับแห่งนี้มีรั้วติดกับสถานศึกษา ซึ่งตามกฎหมายแล้วจะต้องปิดถาวร ไม่สามารถเปิดให้บริการได้อีก
เตรียมดำเนินคดีหลายข้อหา
นอกจากนี้เมื่อดูจากพฤติการณ์และแนวทางการสืบสวนเชื่อว่าเจ้าของมีเจตนาอำพรางปกปิดทางเข้าสถานบริการชัดเจน และน่าจะรู้เห็นกับการจัดให้มีการมั่วสุมเสพสารเสพติดด้วย เนื่องจากเจ้าหน้าที่พบพิรุธลักษณะจัดให้เสพยาเสพติดภายในห้องน้ำ โดยมีการ์ดเฝ้าหน้าห้อง
เบื้องต้นตำรวจเตรียมดำเนินคดีกับเจ้าของผับในหลายข้อหา ทั้งเรื่องการประกอบธุรกิจสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต, การจำหน่ายสุราเกินเวลา และจำหน่ายสุราให้กับเยาวชน, จัดให้มีการมั่วสุม และเสพยาเสพติด และความผิดตามพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก
ส่งผู้มีสารเสพติดเข้าสถานบำบัด
ด้าน พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า ได้รับการประสานจากหน่วยปฎิบัติการพิเศษ สืบสวนสอบสวน6 สำนักการสอบสวนและนิติการ เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ว่า สถานประกอบการดังกล่าวได้มีการเปิดเกินเวลาและกระทำผิดกฎหมายก่อนจะเข้าปฎิบัติการในวันที่ 10 มิ.ย.และได้ประสานมาที่ ผกก.สน.ปทุมวัน จึงร่วมกันวางแผนและได้ลงบันทึกประจำวันไว้ช่วงเที่ยงคืน ของคืนวันที่ 10 มิ.ย.
“ตรวจสอบร้านดังกล่าวมีลักษณะเป็นบ้านที่อยู่าศัยมิดชิด อยู่บริเวณโซนรองเมือง จึงต้องใช้กำลังตำรวจจำนวนมากในการเข้าค้น พบว่ามีการทำผิดกฎหมายจำหน่ายสุราและคนที่ไม่พกบัตรประชาชน มีปัสสาวะเป็นสีม่วง รวม 17 รายและ 26 คนไม่พกบัตรประชาชน โดยผู้มีสารเสพติดทั้ง 17 ราย ยินยอมไปบำบัดโดยจะนำตัวส่งสถานบำบัดและที่ผู้ไม่พกบัตรประชาชนได้ทำการเปรียบเทียบปรับในชั้นสอบสวน ส่วนการดำเนินคดีกับผู้จัดการและเจ้าของร้านถูกแจ้งข้อหา “ฝ่าฝืนคำสั่งคสช.ที่22/58 เปิดให้บริการสถานประกอบการอื่นๆที่มีลักษณะคล้ายสถานประกอบการ” ผกก.สน.ปทุมวัน กล่าว
สั่งเด้งฟ้าผ่า5เสือปทุมวัน
พ.ต.อ.กฤษณะพัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่ากรณีดังกล่าว ทางพล.ต.ต.สรรเสริญ ใช้สถิตย์ ผบก.บก.น.6 มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รวมถึงมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบ ที่มีการปล่อยปละละเลย อาทิ ผกก.สน.ปทุมวัน รอง ผกก.ป.ฯ รอง ผกก.สส. สวป. สว.สส. ไปปฏิบัติราชการประจำที่ ศปก.บก.น.6 เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี