ปปช.ชี้พ่อรมช.ศธ.ยังมีอีกหลายคดี

ต้องหนีทั้งชีวิต

หลังหลบหนี/คดีรุกป่าเขาใหญ่หมดอายุ

สั่งจนท.ตรวจสอบที่ดินอีก 10 โฉนด

จับตา DSI เช็คบิลที่ดินอ.ประจันตคาม

จี้มท.1 ถอดพ้นนายกอบ จ.ปราจีนบุรี

‘บิ๊กตู่’ฮึ่มม็อบต้องยึดก.ม.อย่าล้ำเส้น

รองโฆษกอสส.เเจงไทม์ไลน์คดี“สุนทร วิลาวัลย์” พ่อรมช.ศึกษาฯรุกป่าเขาใหญ่ เผย 2 ข้อหาหมดอายุความในชั้น ป.ป.ช.ไปเเล้ว เหลือ 1 ข้อหาหมดอายุความ 13 มิถุนายนนี้ ระบุอัยการรับสำนวนวันที่ 2 มิถุนายน เเล้วพิจารณารวดเร็วส่ง อสส.สั่งฟ้องคดี ด้านเลขาฯป.ป.ช.ชี้ช่องถอดถอน “สุนทร” พ้นนายก อบจ.ปราจีนบุรี อำนาจอยู่ที่มท.1 เผยพ่อรมช.ศึกษาฯยังมีอีกหลายคดี

เช่น ที่ดิน อ.ประจันตคาม ดีเอสไอส่ง’อสส.’พิจารณาแล้ว เผยสั่งจนท.ตรวจสอบทรัพย์สิน ลุยเจาะเชิงลึกปมครอบครองที่ดินอีกหลายโฉนด ด้านฝ่ายค้านระบุซักฟอก4วัน-เน้นเรื่องทุจริต ขณะที่‘บิ๊กตู่’ลั่นพี่น้อง3ป.เหมือนเดิม ทั้งวันนี้และวันหน้า

เมื่อวันที่ 13มิถุนายน นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงกรณีอัยการนัดส่งตัวฟ้อง นายสุนทร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี (นายก อบจ.ปราจีนบุรี ) บิดาของ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ผู้ถูกกล่าวหาคดีมีส่วนร่วมบุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งคดีจะหมดอายุความวันที่ 13 มิถุนายน ว่า คดีนี้เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 14 ก.พ.-12 ก.ค.2545 โดยมีผู้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันแลปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.)เเละมีผู้รับเรื่องไว้ 27ม.ค.2563 ต่อมา ปปช.มีมติชี้มูลความผิดเมื่อวันที่ 31พ.ค.65 ในส่วน นายสุนทร ถูกกล่าวหา 3ข้อหา ประกอบด้วย 1.เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำ ซื้อรักษาทรัพยากรโดยใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริตอันเป็นการเสียหายเเก่รัฐ มาตรา151 ข้อ2.สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตอบมาตรา157ประกอบ86 เเละ3.ข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานผู้ทีหน้าที่ทำเอกสาร รับรองเอกสาร ซึ่งมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จตามมาตรา162 ประกอบ 86

รองโฆษกฯแจงยิบรุกป่าขาดอายุความ

เมื่อปปช.มีมติชี้มูลเเล้วได้ส่งสำนวนมายังสำนักงานอัยการปราบปรามคดีทุจริตฯภาค2 วันที่ 2 มิ.ย.65เวลา 15.12นาที ซึ่งวันที่ 3-5 มิ.ย.เป็นวันหยุดราชการ สำนักงานอัยการปราบปรามคดีทุจริตฯภาค2 เปิดทำการวันที่ 6มิ.ย.จึงส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด ในฐานะผู้มีอำนาจพิจารณาสั่งฟ้องคดีวันที่ 7มิ.ย.65เเละได้ส่งเรื่องกลับไปยังอัยการสำนักงานปราบปรามทุจริตฯ2 เพื่อประสานกับ ปปช.นำตัวผู้ถูกกล่าวหามาฟ้อง โดยมีการฟ้องผู้กล่าวหาวันเเรกไป 4คนเเละวันต่อมาอีด1คนคือ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ในส่วนของนายสุนทรผู้ถูกกล่าวหาที่8 รวม 3ข้อหา ฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตอบมาตรา 157 ประกอบ86เเละข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำเอกสาร รับรองเอกสาร ซึ่งมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จตามมาตรา162 ประกอบ 86 ทั้ง 2ข้อหานี้ ขาดอายุความในชั้นพิจารณาของ ปปช.เเล้ว คงเหลือข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำ ซื้อรักษาทรัพยากรโดยใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริตอันเป็นการเสียหายเเก่รัฐ ตามมาตรา151 ซึ่งคดีจะขาดอายุความวันที่ 13มิถุนายน ตรงนี้เป็นข้อเท็จจริงที่อัยการปราบปรามทุจริตฯภาค2 เพิ่งได้รับสำนวนวันที่ 2มิ.ย.ก็ดำเนินการในเวลาราชการใช้เวลาเพียง3-4วัน”นายประยุทธ กล่าว

เมื่อถามถึง มาตรา7พรป.ว่าด้วยการป้องกันเเละปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ซึ่งมีการเเก้ไขใหม่มีสาระสำคัญว่า ถ้าผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีไปในระหว่างถูกดำเนินคดี หรือระหว่างการพิจารณาของศาลระหว่างหลบหนีอายุความต้องสะดุดลงนั้นนายประยุทธกล่าวว่า ความเห็นตรงนี้ต้องถามปปช.เพราะในส่วนของอัยการคือ เราได้ตรวจสำนวน เเล้วมีความเห็นโดยเเจ้งให้รีบนำตัวมาฟ้องถ้ายังไม่ได้มาให้ศาลออกหมายจับ ส่วนกระบวนการที่ถามมาเป็นเรื่องของ ปปช.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พรป.ว่าด้วยการป้องกันเเละปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ซึ่งมีการเเก้ไขใหม่ มาตรา 7 บัญญัติไว้ว่า ในการดำเนินคดีอาญาตาม พรบ.ป.ป.ช.ฉบับนี้ ถ้าผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีไปในระหว่างถูกดำเนินคดี หรือระหว่างการพิจารณาของศาล มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ และเมื่อได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำเลย ถ้าจำเลยหลบหนีไประหว่างต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษ มิให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 98 มาใช้บังคับ

เลขาฯปปช.ชี้ถอด’สุนทร’อำนาจมท.1

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการถอดถอน นายสุนทร วิลาวัลย์ ออกจากตำแหน่งนายก อบจ.ปราจีนบุรี ว่า กรณีนี้ ปปช.ไม่มีอำนาจถอดถอน ต้องให้ต้นสังกัดคือ กระทรวงมหาดไทย (มท.) ดำเนินการ โดยพิจารณาว่าขาดคุณสมบัติหรือไม่ ประพฤติเสื่อมเสียหรือไม่ต่อกรณีที่ ปปช.ได้ชี้มูลความผิดดังกล่าว คือ การสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดในประเด็นบุกรุกป่า ประเด็นหนีหมายจับ ดังนั้น รมว.มหาดไทย จึงต้องเป็นผู้พิจารณาว่า นายสุนทร ขาดคุณสมบัติจริงหรือไม่ หากเข้าข้อหาจะต้องไปสอบสวน เมื่อสอบสวนแล้วพบว่ามีการกระทำผิด สามารถใช้อำนาจ รมว.มหาดไทย ถอดถอนพ้นตำแหน่งนายก อบจ.ปราจีนบุรีได้ ซึ่ง ปปช.ได้เพียงชี้แนะว่ามีประเด็นเช่นนี้ ส่วน ปปช.จะแจ้งกระทรวงมหาดไทยหรือไม่นั้น ยังไม่ได้มีมติเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ปปช.สามารถดำเนินการได้อีกทางหนึ่งหรือไม่ ในฐานะที่นายสุนทรเป็นผู้บริหารระดับสูงของท้องถิ่น นายนิวัติไชย กล่าวว่า ไม่ได้ เพราะ ปปช.ไม่มีอำนาจ ที่ทำได้คือแจ้งประสานงานไปว่านายสุนทร มีพฤติกรรมเช่นนี้ ย้ำว่าเป็นอำนาจโดยตรงของต้นสังกัดคือ กระทรวงมหาดไทย เพราะการกระทำของนายสุนทร ที่ ปปช.ชี้มูลว่าสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐให้กระทำผิดนั้น เป็นการกระทำในฐานะเอกชน เนื่องจากในปีดังกล่าว นายสุนทร ยังไม่ได้ดำรงตำแหน่งใด เพิ่งมาดำรงตำแหน่งในภายหลัง ดังนั้น จะไปเอาผิดย้อนหลังไม่ได้ ถ้า ปปช.จะถอดถอนได้ต้องเป็นการกระทำความผิดระหว่างดำรงตำแหน่งนายกอบจ.ปราจีนบุรี

แฉพ่อรมช.ศธ.รุกป่ายังมีอีกหลายคดี

“ขอให้สื่อไปตรวจสอบอีกคดีหนึ่งดีกว่าคือ กรณีที่ดิน อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเกิดเมื่อปี 55 เรื่องนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นเจ้าของเรื่องและดำเนินการส่งไปที่อัยการสูงสุดแล้ว เนื่องจากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐและมีนายสุนทร ร่วมด้วยและที่ดิน นายสุนทร ไม่ได้มีเพียงแค่โฉนดเดียว ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังพยายามตรวจสอบอยู่ว่า ทั้งหมดมีอยู่เท่าไหร่ เพราะเขามีอยู่หลายแปลง รู้สึกว่าจะมี10กว่าโฉนด ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สำนักตรวจสอบทรัพย์สินของปปช.กำลังตรวจสอบรายละเอียดเรื่องการครอบครองที่ดินของ นายสุนทรอยู่ โดยเฉพาะการถือโฉนดในบริเวณ อ.เนินหอม อ.ประจันตคาม ที่เป็นเขตที่ติดอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เจ้าหน้าที่กำลังคลี่ดูอยู่”นายนิวัติไชย กล่าว

ครอบครองคือบุกรุก-ไม่ขาดอายุความ

เลขาธิการ ปปช.กล่าวด้วยว่า คดีบุกรุกป่ายังไม่จบ ตราบใดที่ยังครอบครองที่ดินอยู่ก็แสดงว่า มีเจตนาบุกรุกอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าข้อหานี้ไม่เกี่ยวกับคดีที่กำลังจะหมดอายุความ ต้องแยกกัน เพราะความผิดคนละมาตรา คนละกฎหมาย คดีบุกรุกป่ายังคงอยู่ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข่าว หน่วยงานสามารถไปดำเนินการสอบสวนสามารถฟ้องบุกรุก แผ้วถาง ปรับสภาพพื้นที่ป่า แล้วไปออกที่ดินโดยมิชอบทั้งที่เป็นที่ดินป่าไม้ได้ ซึ่งถือว่าเป็นการบุกรุก“อันที่หมดอายุความเฉพาะความผิดกรณีสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐให้กระทำผิด เป็นคนละกรรม แต่ยังมีความผิดอื่นอีก ที่สามารถดำเนินการกับ นายสุนทร ได้ แต่ตอนนี้ปัญหามีอยู่ว่า ต้องดูว่าหน่วยงานไหนจะเป็นผู้ดำเนินการ ใครเป็นเจ้าของทรัพย์ เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ดูแลอุทยานแห่งชาติ ในฐานะผู้เสียหาย ต้องไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบให้ดำเนินการและกรณีที่มีโฉนดอื่นๆอีกหลายฉบับต้องไปแยกดูว่า ใครเป็นเจ้าของเรื่อง เพราะอาจไม่ได้อยู่ในอำนาจ ปปช.ทั้งหมด เหมือนบางกรณีที่อยู่ในอำนาจดีเอสไอ”นายนิวัติไชย กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีมาตรา 7 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ซึ่งมีการแก้ไขใหม่ มีสาระสำคัญว่า ถ้าผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีไประหว่างดำเนินคดี หรือระหว่างการพิจารณาของศาล ระหว่างหลบหนี อายุความต้องสะดุดลงนั้น มาบังคับใช้กับกรณี นายสุนทร ได้หรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า คดีของ นายสุนทร เหตุเกิดปี2545 แต่กฎหมาย ปปช. แก้ไขเมื่อปี 2554 (ฉบับที่ 2) ที่ให้อายุความสะดุดหยุดอยู่ ซึ่งได้มีคำวินิจฉัยของศาลแล้วว่า การบังคับใช้กฎหมายที่เป็นโทษย้อนหลังไม่ได้ แต่ถ้ากฎหมายเป็นคุณถึงจะใช้ได้ เรื่องนี้ศาลมองว่า เป็นเรื่องของโทษ ฉะนั้น จะใช้ย้อนหลังไม่ได้

ต้องเพิกถอนที่ดินได้มามิชอบแน่นอน

เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการติดตามตัวนายสุนทร นายนิวัติไชย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รายงานว่ากำลังติดตามตัวอยู่ เมื่อถามว่า การที่คดีความของ นายสุนทร ขาดอายุความเช่นนี้ ถือเป็นการทำงานของ ปปช.ที่ฟาล์วหรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า ไม่หรอก เพราะจะต้องพิจารณาเพิกถอนที่ดินอย่างแน่นอน เนื่องจาก ปปช.จะต้องส่งเรื่องให้กรมที่ดินเพิกถอน ที่ดินจะได้กลับมาเป็นของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่แม้ว่าผู้กระทำความผิดบางคนจะหลุดในกรรมนี้ก็ตาม แต่ใครทำอะไรต้องได้รับกรรมนั้น

นายกฯชี้รอศาลตัดสิน-ยุติหรือไม่

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ชี้มูล นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ จากคดีการออกโฉนดที่ดินบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้ติดตามมาตลอดพร้อมปรึกษาฝ่ายกฎหมายของเรา และได้รับคำชี้แจงว่า ขณะนี้เรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการของกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งเรื่องจะออกหรือไม่ออกอะไรต่างๆนั้น ถ้าศาลพิจารณาเห็นว่ามีเหตุผลและความจำเป็นก็ต้องมีคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่เอง ขณะนี้เป็นขั้นตอนของศาล เพราะเรื่องเข้าไปอยู่ในกระบวนการแล้ว ขณะเดียวกันขณะนี้พรรคภูมิใจไทยยังไม่มีเสนอขอปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัดส่วนของพรรคแต่อย่างใด

14มิย.ลุ้นรมช.ศธ.ลาออกหรือไม่

นายศุภชัย ใจสมุทร สส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าวนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.กระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) ในสัดส่วนพรรค ภท.ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง หลัง ปปช.ชี้มูลคดีออกโฉนดที่ดินบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ว่า ยังไม่ทราบเรื่องนี้ แต่อ่านข่าวเจอก็ยังไม่มีการพูดคุยอะไรกับท่าน ในส่วนของพรรคยังไม่ได้คุยเรื่องนี้ โดยวันที่ 14มิถุนายน ถ้าจะมีวาระนี้ในที่ประชุมพรรค ภท.ก็คงจะว่ากันไป ตนจึงตอบไม่ได้ว่า ท่านจะลาออกหรือไม่ แต่เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) บอกว่ายังไม่การยื่นหนังสือลาออก

‘วิษณุ’ชี้ไม่ต้องลาออก-รอให้ศาลสั่ง

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ปปช.ชี้มูลความผิด นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ กรณีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติเขาใหญ่ ต้องลาออกจากตำแหน่งหรือไม่ว่า ไม่ต้องลาออกจนกว่าจะได้ความว่า ผิดหรือวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งและหยุดปฎิบัติหน้าที่ และเมื่อศาลรับคำฟ้องก็ไม่จำเป็นต้องลาออก จะต้องมีคำสั่งศาลให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ หรือถ้าจะหยุดเองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เหมือนกับรัฐมนตรีหลายคนก็ถูกฟ้องและอยู่ในศาลก็ไม่มีคำสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ ส่วนการยุติการปฎิบัติหน้าที่ศาลจะเป็นผู้สั่งซึ่งแล้วแต่เรื่องทุจริต หรือเรื่องอะไร ดังนั้นเรื่องนี้ก็รอให้ศาลสั่งก็แล้วกัน

เลขาฯครม.ยันไม่เห็นหนังสือลาออก

นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวเพียงสั้นๆถึงกรณีมีกระแสข่าว นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ จะยื่นใบลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี หลัง ปปช.ชี้มูลความผิดกรณีบุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติเขาใหญ่และชี้มูลความผิดฐานไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงว่า “ยังไม่เห็นเลยค่ะ”

ผบ.ตร.ยันส่งหมายจับไปทั่วปท.แล้ว

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงการติดตามตัว นายสุนทร วิลาวัลย์ นายกอบจ.ปราจีนบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งคดีจะหมดอายุความในวันที่ 13มิถุนายนและยังไม่สามารถติดตามตัวมาดำเนินคดีได้ ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถจับตัวได้ แต่ก็ยังติดตามตัวอยู่ ซึ่งคดีนี้เป็นอำนาจการสอบสวนหลักของ สำนักงาน ปปช.ก่อนจะทราบว่าออกหมายจับเมื่อวันที่ 9มิถุนายนและหลบหนีไป ขณะนี้ก็ได้ส่งหมายจับไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง และสถานีตำรวจทั่วประเทศแล้ว ส่วนจะมีบุคคลใด หรือตำรวจให้ความช่วยเหลือหรือไม่นั้นก็จะต้องถูกดำเนินคดี แม้ว่าคดีจะหมดอายุความในวันนี้ แต่ก็ยังสามารถดำเนินคดีกับผู้ที่ให้ความช่วยเหลือได้ภายหลัง

ฝ่ายค้านซักฟอก4วัน-เน้นเรื่องทุจริต

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยความคืบหน้าการยื่นญัตติ อภิปรายไม่ไว้วางใจ 3ป.และ7รัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา151 ในวันที่ 15มิ.ย.ว่า ฝ่ายค้านร่างญัตติเสร็จเรียบร้อย ส่วนกรอบเวลาอภิปรายเชื่อว่าต้องไม่น้อยกว่า 4วัน คาดเป็นช่วงสัปดาห์ที่3ของเดือนก.ค.หรือช่วงวันที่ 18-22ก.ค.เพราะไม่ติดช่วงวันหยุดยาว

ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง สส.มหาสารคาม พรรค พท.ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า เบื้องต้นวางตัวผู้อภิปรายไม่เกิน 10คน โดยขึ้นกับยุทธิวิธีและประเด็น หากเป็นเรื่องเล็กจะใช้ผู้อภิปราย 1คน หากเป็นเรื่องใหญ่จะใช้ผู้อภิปรายหลายคน ครั้งนี้เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้ายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เรามีข้อมูลและหลักฐานทุจริตของรัฐบาลชัดเจน งานนี้ประชาชนที่ได้รับฟังจะเชื่อทันทีว่า รัฐบาลทุจริตอย่างแน่นอน เราจะน็อกบรรดารัฐมนตรีกลางสภาและให้ไปตายในสนามเลือกตั้ง

‘บิ๊กตู่’ลั่น3ป.จับมือกันทั้งวันนี้วันหน้า

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังผู้สื่อข่าวถามถึงการร่วมงานกันของพี่น้อง 3ป.หลังออกงานพร้อมกันอย่างชื่นมื่นเมื่อวันศุกร์ที่ 10มิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้มีกำลังใจเพิ่มขึ้นหรือไม่ ว่า “ก็ร่วมกันมาตลอดนะจ๊ะ ทั้งวันนี้และวันหน้า ทุกอย่างเหมือนเดิม โทรและคุยกันทุกวัน เจอกันก็บ่อย”

เตือนม็อบ-ตร.มีสิทธิ์ป้องกันตัว

พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์กรณีเริ่มมีม็อบชุมนุมและขับไล่นายกฯโดยถามว่า กังวลหรือไม่ในเรื่องดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ก็ขึ้นอยู่ว่าเขาทำถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ วันนี้ทุกคนต้องการประชาธิปไตยและรัฐบาลก็ไม่ได้ขัดขวาง โดยให้มีการขออนุมัติ ขออนุญาตและไม่ให้ใช้ความรุนแรง วันนี้ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีความเสี่ยงภัยอยู่ทุกวัน ซึ่งถ้าไม่ใช้ความรุนแรงก็คงไม่ต้องปฏิบัติการอะไร เจ้าหน้าที่เขาห้ามไปตรงไหนก็ห้ามไป แต่ถ้าไปเจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการ แต่ถ้าถูกใช้กำลังก่อน เจ้าหน้าที่ก็มีสิทธิ์ที่จะบังคับใช้กฎหมายป้องกันตัว“ก็ขอเตือนน้องๆหลานๆลูกๆก็แล้วกัน ผมมองในแง่ว่า ทุกคนมีสิทธิ์แสดงออกเพียงแต่ให้คำนึงถึงกฎหมายด้วย ไม่อยากให้มีคดีความในวันข้างหน้า มันเสียอนาคตด้วย เรื่องนี้ไม่ได้ขู่ เพราะนี่คือกฏหมายทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยและวันนี้ผมคิดว่า เป็นเวลาที่เราต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาเรื่องอื่นๆเอาไว้ก่อนได้ไหม”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวิเคราะห์หรือไม่ว่า ทำไมจึงเกิดการชุมนุมในช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ เรื่องนี้ผมไม่ขอวิเคราะห์ว่า สาเหตุเป็นเพราะอะไร อีกทั้งก็มีคนวิเคราะห์เรื่องนี้อยู่แล้ว โดยเจ้าหน้าที่มีหน้าที่ในการวิเคราะห์อยู่แล้ว นายกฯคงไม่ต้องไปสั่งอะไรเขามาก”

ยึดบึ้มปิงปอง-ประทัด-เชื่อเตรียมป่วน

พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น.พร้อมด้วย พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุล รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.รัฐชัย ศรีวิชัย ผกก.สน.ดินแดง นำกำลังตำรวจกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (EOD) บก.สปพ. กองกำกับการสุนัขตำรวจ บก.สปพ.และตำรวจกองกำกับการสายตรวจ บก.สปพ.ร่วมกับตำรวจสน.ดินแดง ร่วมกันปล่อยแถวตรวจค้นหาวัตถุต้องสงสัยบริเวณใต้ทางด่วนดินแดง หลังจากเมื่อวันที่ 11-12มิถุนายนกลุ่มมวลชนรวมตัวจัดกิจกรรมทางการเมืองและก่อเหตุเผารถยนต์ตำรวจ จุดประทัดโยนใส่ตำรวจควบคุมฝูงชน โดยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับการปล่อยแถวร่วมกันตั้งแถวหน้ากระดานตรวจตั้งแต่แฟลตดินแดงถึงคอนโดบริเวณใกล้เคียงและใต้ทางด่วนดินแดง จากการตรวจค้นพบระเบิดปิงปองพร้อมใช้งานเกือบ 20ลูก,ประทัด,ลูกแก้วและไฟแช็คจำนวนหนึ่งที่คาดว่า กลุ่มมวลชนเตรียมไว้ใช้สำหรับก่อเหตุความรุนแรงจึงเก็บรวบรวมเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อไว้เป็นของกลางในคดีต่อไป