ปอศ.ลุยค้น 5 จังหวัด ทลายแก๊งเงินกู้ดอกเบี้ยโหด ร้อยละ45 ต่อเดือน เงินหมุนเวียนกว่า 450 ล้านบาท
16 มิถุนายน 2565 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. , พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5 บก.ปอศ. ร่วมแถลงผลจับกุมเครือข่ายเงินกู้นอกระบบออนไลน์ moneyday credit พบยอดเงินหมุนเวียนกว่า 450 ล้านบาท โดยจับกุมผู้ต้องหา 8 ราย ข้อหา “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียก ดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด” พร้อมของกลาง มือถือ 54 เครื่อง , โน๊ตบุ๊ก 25 เครื่อง , คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง , แท็บเล็ต 4 เครื่อง และซิมโทรศัพท์มือถือจำนวนมาก รวมจำนวนของกลางกว่า 300 รายการ
พ.ต.อ.ภาดล เปิดเผยว่า สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2564 มีผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจรายย่อย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. หลังจากกู้ยืมเงินจากเว็บไซต์ www.moneydaycredit.com และมีชำระค่าดอกเบี้ยที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด โดยมีดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 1.5 ต่อวัน หรือร้อยละ 45 ต่อเดือน คิดเป็นร้อยละ 547.5 ต่อปี จึงไม่มีเงินในการชำระหนี้ ทางเว็บไซต์จึงได้ส่งกลุ่มชายฉกรรจ์มาทำการข่มขู่ให้ชำระหนี้
ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงทำการสืบสวนจนพบว่าเว็บไซต์ดังกล่าวมีการชักชวนให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปกู้เงิน โดยเน้นเป้าหมายไปที่กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMES) ที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ถูกกฎหมายได้ โดยขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อของนั้นไม่จำเป็นต้องใช้หลักฐานยืนยันตัวตนหรือใช้คนค้ำประกัน ส่วนกรณีที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจ ทางเว็บไซต์จะไปสำรวจกิจการเพื่อประกอบการพิจารณา
เมื่ออนุมัติสินเชื่อแล้ว ทางเว็บไซต์จะโอนเงินไปให้ผู้กู้ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้งไปยังบัญชีธนาคารของลูกหนี้ โดยจะหักยอดเงินกู้เป็นดอกเบี้ยงวดแรกไว้ก่อน หากลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ จะใช้วิธีการข่มขู่เพื่อให้ชำระหนี้ นอกจากนี้ยังพบว่าเครือข่ายดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนถึง 450 ล้านบาท
พ.ต.อ.ภาดล กล่าวอีกว่า เครือข่ายดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการคิดดอกเบี้ยที่ผิดกฎหมาย ประกอบกับเป็นการเอารัดเอาเปรียบประชาชนในช่วงวิกฤตเชื้อโควิด-19 โดยคาดว่ามีผู้เสียหายหลายร้อยราย อีกทั้งบางรายมีความเครียดถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้สืบสวนหาเบาะแสจนกระทั่งสามารถนำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านพัก และสำนักงานของเครือข่ายดังกล่าว ในพื้นที่ จ.จันทบุรี , ปทุมธานี , ขอนแก่น , นครราชสีมา และ กรุงเทพฯ รวม 5 จังหวัด ทำการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 8 ราย และยังจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้อีก 21 ราย ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น , นครราชสีมา , กรุงเทพฯ และ ปทุมธานี รวมเป็น 29 ราย เบื้องต้นจึงนำตัวส่ง กก.5 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมาย และดำเนินการขอปิดเว็บไซต์ดังกล่าว รวมถึงขยายผลถึงนายทุนผู้อยู่เบื้องหลังต่อไป
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี