ซีอีโอ‘ดารุมะ’นอนคุก
ศาลอาญาไม่ให้ประกันตัว
ภัยร้ายสังคม/หวั่นหลบหนี
เจ้าตัวยังอุบปมชดใช้เงินคืน
พนักงานสอบสวนเบิกตัว “เมธา ชลิงสุข” ผู้บริหารดารุมะ ซูชิ ไปฝากขังศาลไม่ให้ประกันตัว คดีฉ้อโกงประชาชน-พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เจ้าตัวไม่ตอบจะชดใช้ความเสียหายอย่างไร ด้าน ผบช.ก.สั่งชุดสืบสวนขยายผลว่ามีผู้ร่วมกระทำความผิดอื่นเพิ่มอีกหรือไม่ รวมทั้งเร่งพิสูจน์ว่ามีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปที่ใด เพื่อเข้าสู่กระบวนการยึดทรัพย์ตามมูลฐานความผิดต่อไป
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ที่ห้องควบคุมผู้ต้องหา ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กทม. พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. เดินทางมาเบิกตัว นายเมธา หรือ บอนนี่ อายุ 42ปี เจ้าของแฟรนไชส์ “ดารุมะ ซูชิ” ที่เปิดขายคูปองโปรโมชั่นอาหารญี่ปุ่นราคาถูก เเละปิดร้านสาขาหนี มูลค่าความเสียหาย กว่า 100 ล้านบาท ผู้ต้องหาในความผิดฐานร่วมฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 343 และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน
โดยพนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายเมธา จากห้องขัง ไปยัง กก.1 ชั้น 13 อาคาร บช.ก.เพื่อทำการฝากขังต่อศาลอาญาข้อหาฉ้อโกงประชาชนและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และเกรงว่า นายเมธา จะหลบหนีอีก ซึ่งในระหว่างที่พนักงานสอบสวนคุมตัวนายเมธา เพื่อไปขึ้นรถ นักข่าวพยายามที่จะสอบถามนายเมธาว่า จะชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นหรือไม่อย่างไร ยังมีทรัพย์สินเหลือพอที่จะชดใช้ผู้เสียหายหรือไม่ หรือ อยากจะสื่อสารกับผู้ที่เสียหายให้สบายใจอย่างไร เเต่นายเมธา มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ตอบคำถามใดๆ
จากนั้น พนักงานสอบสวนนำตัว นายเมธา มาที่ห้องคอนเฟอร์เรนซ์ กองบังคับการปราบแรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อยื่นฝากขังต่อศาลในช่วงเวลา 10.00น. ขั้นตอนหลังจากฝากขังต่อศาลเเล้ว ทางทนายความจะไปยื่นขอประกันตัวตามสิทธิ์ของผู้ต้องหา หากศาลพิจารณาให้ประกันตัว ทนายก็จะนำใบคำร้องมายื่นที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้ปล่อยตัวชั่วคราว หากศาลไม่ให้ประกันตัวก็จะควบคุมตัวส่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ นายเมธา ให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งถูก หมายจับ 2 ข้อหา คือ “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 เเสนบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และ ร่วมกันโดยทุจริต หรือ โดยหลอกลวง นำเข้าสู่ ระบบคอมพิวเตอร์ฯ ที่บิดเบือน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายกับประชาชน จําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
ศาลพิจารณาคำร้องเเล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ ต่อมานายเมธายื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าการกระทำของผู้ต้องหา มีลักษณะกระทำโดยมีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน โดยรู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถปฏิบัติตามที่โฆษณาไว้ได้ จึงทำให้เกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก ทั้งทำให้เสียความเชื่อถือจากผู้ประกอบการ และผู้บริโภครายอื่น จึงเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคม เชื่อว่า หากปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาอาจหลบหนีประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวยกคำร้อง
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.เปิดเผยความคืบหน้าการขยายผลและการดำเนินคดีว่า เบื้องต้นได้เรียกชุดสืบสวนสอบสวนมาประชุมวางกรอบทางคดีให้เป็นแนวทางเดียวกัน ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนขยายผลหาว่ามีผู้ร่วมกระทำความผิดอื่นเพิ่มอีกหรือไม่ รวมทั้งเร่งพิสูจน์ทราบทรัพย์สินของผู้ต้องหาว่ามีการยักย้ายถ่ายเทไปที่ใด ซึ่งเมื่อพิสูจน์ทราบแล้วเสร็จ จะทำตามขั้นตอนเพื่อเข้าสู่กระบวนการยึดทรัพย์ตามมูลฐานความผิดต่อไป นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ชุดสอบสวนทำการสอบสวนผู้เสียหายที่ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีดังกล่าวอีกด้วย โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำสั่งการให้ทำคดีด้วยความรอบคอบให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย และพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงทุกมิติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี