ที่บริเวณลานข้าววัดพระราม อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา นายประทีป การมิตรี รองผวจ.พระนครศรีอยุธยา เป็นประธานเปิดงานพุทราประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาและงานถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตรโดยมี นายไพฑูรย์ รื่นสุข เกษตรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้กล่าวรายงานการจัดงานและต้อนรับ มี นางพิสมัยเลิศอิทธิบาท ประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเกษตรอำเภอจาก 16 อำเภอในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและเกษตรกรจำนวนมากนำสินค้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรมาร่วมงาน ซึ่งก่อนการเปิดงานฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก
นายประทีป การมิตรี รอง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า การอนุรักษ์ต้นพุทราโบราณในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาซึ่งเป็นต้นไม้ยืนต้นที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่นของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีความโดดเด่นเป็นอัตลักษณ์ ได้รับการคัดเลือกเป็น“รุกขมรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมี”ประจำปี 2560 จากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม
อีกทั้งยังเป็นการสนองพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตามโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้วย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาสวนพุทราประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยา ในรูปแบบกรอบการเรียนรู้ทรัพยากร เพื่อพัฒนา และเพิ่มประสิทธิภาพด้านการปกปักทรัพยากรของประเทศ ดังนี้
กิจกรรมปกปักพันธุกรรมพืช มีเป้าหมายที่จะปกปักกลุ่มต้นพุทราโบราณในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เพื่อเป็นการรักษาพันธุกรรมดั้งเดิมเอาไว้ กิจกรรมที่ 2 สำรวจเก็บรวบรวมพันธุกรรมพืช ได้มอบหมาย ให้เจ้าหน้าที่และอาจารย์ นักวิชาการที่มีความรู้ความสามารถ ออกสำรวจเก็บรวบรวมข้อมูลทรัพยากร ต้นพุทราโบราณ เพื่อต่อยอดแนวทางการพัฒนา กลุ่มต้นพุทราโบราณและเป็นองค์ความรู้ ภายใต้การยอมรับเชิงวิชาการ กิจกรรมที่ ปลูกรักษาพันธุกรรมพืช จัดทำแปลงพันธุ์พุทราพื้นเมือง ในสวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
รวมทั้งขยายพันธุ์พุทราดังกล่าว ให้หน่วยงานเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยาและสถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อขยายพันธุ์ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกทั้งการสร้างจิตสำนึก เพื่อให้ประชาชนกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะเยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา บุคคลผู้อยู่อาศัยบริเวณเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา ในการอนุรักษ์กลุ่มพุทราโบราณให้ตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์ของกลุ่มพุทราโบราณ ให้รู้จักหวงแหนและการนำไปใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนต่อไป
นายไพฑูรย์ รื่นสุข เกษตรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่าต้นพุทราที่ขึ้นตามโบราณสถานภายในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยานับว่าเป็นกลุ่มไม้ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง และมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ต้นพุทราเหล่านี้ยืนต้นมากว่า 140 ปี ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แห่งราชจักรีวงศ์ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นรุกขมรดก ของแผ่นดิน ประจำปี 2560 ต้นพุทราโบราณช่วยเสริมธรรมชาติให้ร่มรื่น สวยงามภายในอุทยาน และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชม อีกทั้งยังให้ผลผลิตให้ลูกหลานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้เก็บกิน และนำมาแปรรูปสามารถจำหน่ายเป็นของขวัญ ของฝากมีชื่อของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง การอนุรักษ์ต้นพุทราจึงไม่ใช่แค่การดูแลรักษาให้ต้นยังคงอยู่เพียงอย่างเดียว แต่ควรมีการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับต้นพุทราให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าถึง เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกที่ดีต่อการอนุรักษ์อย่างยั่งยืนต่อไป
ดังนั้น จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของต้นพุทราโบราณ ในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ จึงได้อนุมัติงบประมาณให้สำนักงานเกษตรจังหวัดพระนครศรีอยุธยาดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาสวนพุทราประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยาอย่างต่อเนื่อง มาตั้งแต่ พ.ศ. 2558 โดยกิจกรรม ในปีนี้ประกอบด้วย การปรับปรุงบำรุงต้นพุทราโบราณ จำนวน 872 ต้นและจัดงานพุทราประวัติศาสตร์และถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร (JUJUBE FESTIVAL) ในระหว่างวันที่ 2-3 ก.ค.2565 จำนวน 2 วัน โดยมีกิจกรรมภายในงาน ได้แก่ นิทรรศการ“พุทราประวัติศาสตร์กรุงศรีพระนครศรีอยุธยา และ พฤกษศาสตร์และคุณประโยชน์พุทรา” และ “เทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตรสมัยใหม่” กิจกรรมสาธิตเมนูอาหารจากพุทรากิจกรรมถ่ายทอดความรู้การดูแลไม้ผล และไม้ยืนต้น กิจกรรมจำหน่ายสินค้าเกษตรปลอดภัย อาหารและเครื่องดื่ม ผลผลิตจากพุทรา รวมทั้งกิ่งพันธุ์ไม้ผลไม้ยืนต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี