‘ชาวบ้าน-พ่อค้าแม่ค้า’แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่‘อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์’เห็นด้วย‘ผบ.เหล่าทัพ’เห็นชอบ‘ปิดด่าน’จนกว่ากัมพูชาสิ้นสภาพภัยคุกคามต่อไทย พร้อมเรียกร้องให้เหล่าทัพและ‘รัฐบาลอนุทิน’สร้างรั้วกำแพงที่มั่นคงแข็งแรง ‘ปิดตาย’ทุกด่านชายแดนไปเลย ไม่ต้องทำมาค้าขายคบค้าสมาคมร่วมกันอีก
21 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวลงสำรวจพื้นที่ ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นพื้นที่หมู่บ้านแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และยังเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สู้รบกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ระหว่างวันที่ 24-28 ก.ค.2568 ที่ผ่านมา ซึ่งบรรยากาศโดยทั่วไปชาวบ้านยังคงออกมาใช้ชีวิตกันตามปกติ ขณะที่บางรายยังคงมีความหวาดวิตกและหวาดระแรง เพราะยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ไม่รู้ว่าจะเกิดการปะทะหรือเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อใด
หลังพบว่าฝ่ายกัมพูชายังคงมีการกระทำในลักษณะกระทำผิดกฎหมาย ที่ไม่เป็นมิตร ทั้งการยั่วยุและการบุกเข้ารื้อลวดหนามในบริเวณพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว โดยทั้งชาวบ้านและพ่อค้าแม่ค้าที่อยู่ในพื้นที่แนวชายแดน อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ต่างไม่มั่นใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว เกรงจะส่งผลให้มีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นอีก
ชาวบ้านต่างเห็นด้วยกับการที่ ผบ.เหล่าทัพ มีความเห็นชอบให้ปิดจุดผ่านแดนถาวร และจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย หรือกัมพูชาไม่เป็นภัยคุกคามต่อไทยอีกต่อไป รวมถึงยังเรียกร้องให้ทหารและรัฐบาลชุดใหม่ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เร่งจัดการแก้ไขปัญหาชายแดนให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และให้สร้างรั้วกำแพงที่มั่นคงแข็งแรง และปิดตายทุกด่านชายแดน ไม่ต้องทำมาค้าขาย หรือคบค้าสมาคมกับประเทศกัมพูชาอีกต่อไป อยู่ใครอยู่มัน เพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยและการเผชิญหน้าระหว่างทหารไทยกัมพูชา และเพื่อที่ชาวบ้านจะได้ไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างวิตกกังวล
น.ส.สมจิตร คุตมาศูนย์ อายุ 55 ปี ชาวบ้าน ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า อยากให้ปิดด่านชายแดนทุกด่านถาวรไปเลย และอยากให้สร้างรั้วกำแพงที่มีความมั่นคงแข็งแรงปิดตลอดแนวชายแดน ต่างคนต่างอยู่กันไปเลย เพราะปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา ตนได้ประสบพบเจอมากับตัวแล้วถึง 3 ครั้ง ตั้งแต่ประมาณปี 2522 ครั้งเขมรแตก ครั้งที่ 2 ปี 2554 กรณีปราสาทเขาพระวิหาร และครั้งนี้ในปี 2568 จึงอยากเรียกร้องให้ฝ่ายไทยจะทำอะไรก็ทำให้มันเด็ดขาดไปเลย จะสร้างรั้วล้อมปิดเขตแดนก็สร้างเลย หรือจะยิงสู้รบกันก็ยิงกันไปเลยให้มันจบสิ้นกันไป เพื่อที่ประชาชนจะได้ไม่ต้องอยู่ด้วยความหวาดวิตกเหมือนในทุกวันนี้
ด้าน น.ส.วิลัย ซาเหลา อายุ 42 ปี แม่ค้าไส้กรอก ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ บอกว่า แต่ก่อนเคยเป็นแม่ค้าขายผักผลไม้และข้าวโพดต้ม ที่บริเวณจุดผ่อนปรนด่านช่องสายตะกู พอมีเหตุการณ์แนวชายแดนเกิดขึ้น จึงเปลี่ยนอาชีพมาขายไว้กรอกย่างตามหมู่บ้าน ก็พอขายเลี้ยงชีพในแต่ละวันได้ และขอสนับสนุนอย่างที่ ผบ.เหล่าทัพทุกเหล่าทัพของไทยเห็นชอบให้ปิดด่าน แต่ถ้าจะให้ดีขอสนับสนุนให้นอกจากการปิดด่าน ขอให้ปิดด่านถาวรไปเลย และสร้างรั้วกำแพงปิดกั้นพรมแดนระหว่างสองประเทศ
ทั้งนี้ ตนในฐานะแม่ค้าที่เคยขายของแนวชายแดน ก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไร เพราะมองว่าการเปิดด่านชายแดน ฝ่ายที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจะเป็นฝ่ายกัมพูชา ส่วนฝ่ายไทยเสียประโยชน์มากว่า ไม่ว่าจะเป็นการข้ามแดนไทยไปกัมพูชาก็ต้องเสียค่าผ่านแดน ส่วนกัมพูชาเข้ามาไทยก็ไม่เสียค่าข้ามผ่านแดน อีกทั้งคนไทยก็ต้องสูญเสียเงินทองจากการเข้าไปเล่นการพนันในบ่อนคาสิโน เห็นบางรายในหมู่บ้านของตน ที่ไปเล่นการพนันยังบ่อนคาสิโน ต้องหมดที่หมดทาง ขายสวนยางพารา และตัดต้นยางพาราขาย รวมถึงครอบครัวแตกแยกก็มี
ส่วน นางคำผัด ศรีทองสุข อายุ 68 ปี แม่ค้าขายผลไม้พื้นบ้าน ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ บอกว่า ขอสนับสนุนให้ทหารสร้างรั้วกำแพงที่มีความมั่นคง และปิดด่านชายแดนทุกด่าน เพื่อไม่ต้องให้มีการข้ามแดนไปมาหาสู่กันได้อีก และคนไทยที่อยู่แนวชายแดนจะได้ประกอบอาชีพทำมาหากินได้ตามปกติ ทั้งการทำสวนไร่นาและกรีดยางพาราขาย แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงทำให้ไม่กล้าที่จะเข้าไปกรีดยางพารา แต่ถ้าปิดด่านไปเลย ตนก็สามารถไปกรีดยางทำมาหากินตามปกติได้
นางคำผัด บอกว่า ทุกวันนี้ก็ยังอยู่กันอย่างหวาดระแวง แม้แต่ได้ยินเสียงฟ้าร้องฟ้าคะนองในช่วงนี้ ก็รู้สึกตกใจ เพราะเสียงดังคล้ายเสียงปืนใหญ่ แม้แต่เสียงดังจากท่อรถยนต์ที่วิ่งไปมาด้วย เพราะไม่รู้ว่าเป็นเสียงอะไรกันแน่ ขนาดนอนกลางคืนก็ยังนอนหลับๆตื่นๆ จึงอยากให้ทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรัฐบาลชุดใหม่ของนายอนุทิน นายกรัฐมนตรี ได้เร่งจัดการแก้ไขปัญหาชายแดนให้เสร็จสิ้นโดยเร็วไว และขอให้มีการสร้างรั้วลวดหนาม หรือรั้วกำแพง และปิดด่านชายแดนทุกด่านให้ถาวรไปเลย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี