ณ วิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกสับปะรด GI บ้านกุดกุ่มน้อย หมู่ 4 ต.โนนตาล อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ถือเป็นของดีอีสานมาตรฐานโลก โดยสำนักงานพาณิชย์กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงผนึกกำลังเปิดตลาดการค้าสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการส่งเสริมและพัฒนาตลาดสินค้าสิ่งบ่งบอกทางภูมิศาสตร์(GI) เป็นสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมทรัพย์สินทางปัญญาว่า เป็นสินค้าที่มีอัตลักษณ์ และมีคุณภาพสูงฯ รวมทั้งสินค้า GI เหล่านี้มีความพร้อมเข้าสู่ตลาดทั้งในระดับประเทศ และ ต่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์จึงมอบหมายให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครพนม และ กลุ่มสำนักงานพาณิชย์จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คัดสรรสินค้าที่ขึ้นทะเบียน GI และมีศักยภาพทางการตลาดเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น พร้อมประชาสัมพันธ์สร้างโอกาสทางการค้า ผ่านสื่อทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ โดยเฉพาะสื่อโซเซียลที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้สินค้า GI อีสานได้มีโอกาสเติบโตทั้งในประเทศและสู่สากล
ทั้งนี้ นายจิรวุฒิ สุวรรณอาจ พาณิชย์จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า เกี่ยวกับสถานการณ์การตลาดของสับปะรด สินค้า GI บ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ถือว่าเป็นผลผลิตการเกษตรท้องถิ่นขึ้นชื่อของ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรจำนวนมากทุกปี แต่ในช่วง 2 -3 ปีที่ผ่านมา ประสบปัญหาราคาตกต่ำจากสถานการณ์โควิดระบาด แต่ปีนี้ยอมรับว่าการตลาดกลับมาฟื้นตัว และมีราคาสูงกว่าทุกปี ในช่วงต้นฤดูประมาณเดือนเมษายน – เดือนพฤษภาคม มีราคาสูงกิโลกรัมละ 15 -20 บาท แต่ในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก ปีนี้ยังถือว่าราคาดีอยู่ที่ประมาณ 6-10 บาท หากไม่ต่ำกว่า 5 บาท ถือว่าเกษตรกรยังอยู่ได้
แต่ปัจจุบันปลายฤดูกาล จะมีผลผลิตน้อยลงหลังขายออกสู่ตลาดใกล้หมด ทำให้ราคาปรับตัวขึ้นอีก อยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 15 บาท ยังถือว่าราคาดี ส่วนปีนี้มีผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 20,000 ตัน มีมูลค่าเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ถือว่าสร้างรายได้สูงสุดในรอบ 2 -3 ปี
สำหรับแนวทางรองรับการช่วยเหลือของพาณิชย์จังหวัด ปีนี้ได้เตรียมพร้อมในการจัดงบประมาณสำรองช่วยเหลือรับซื้อหากราคาตกต่ำ ได้ประสานบริษัทเอกชน รวมถึงไปรษณีย์ไทย เข้ามาช่วยรับซื้อ แต่โชคดีราคาไม่ตกต่ำ และผลผลิตส่งออกสู่ตลาดได้ทั้งหมด ในอนาคตได้วางแนวทางเกี่ยวกับการส่งเสริม เพิ่มมูลค่าให้เกษตรกรหันมาแปรรูปมากขึ้น เช่น ทำสับปะรดกวน,อบแห้ง,คุกกี้ รวมถึงประสานบริษัทเอกชนเข้ามาตั้งโรงงานในพื้นที่ เพื่อรองรับการขยายพื้นที่ปลูกในเขต อ.ท่าอุเทน และ อ.โพนสวรรค์ พร้อมสร้างโรงงานทำสับปะรดอบแห้ง เพื่อเพิ่มมูลค่าสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรมากขึ้น เชื่อมั่นว่าในอนาคตจะเป็นผลผลิตที่สร้างรายได้มหาศาล
ด้าน นายสุขสันต์ พรรณวงศ์ ผู้ใหญ่บ้านกุดกุ่มน้อย หมู่ 4 ต.โนนตาล อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ประธานวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกสับปะรด GI ต.โนนตาล และประธานแปลงใหญ่สับปะรด เปิดเผยว่า สำหรับสับปะรด GI บ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ อ.ท่าอุเทน ถือเป็นสายพันธุ์ท้องถิ่น ที่เริ่มจากการนำสายพันธุ์ปัตตาเวียมาจาก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก่อนนำมาหน่อพันธุ์ปลูกเมื่อหลาย 10 ปีที่แล้ว และพัฒนาสายพันธุ์มาเป็นสับปะรดท่าอุเทน ถือว่าเป็นสายพันธุ์เดียวในไทย ที่มีรสชาติอร่อย มีคุณสมบัติพิเศษ คือหวานฉ่ำ ตาตื้น เนื้อเยอะ ถือว่าหนึ่งเดียวในไทย หากเทียบกับสับปะรดที่ปลูกในพื้นที่จังหวัดอื่น ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดสูง
ปัจจุบันจะมีพื้นที่ปลูกกว่า 8,000 ไร่ ในพื้นที่ อ.ท่าอุเทน และ อ.โพนสวรรค์ บางส่วน ให้ผลผลิตประมาณ 5,000 กิโลกรัมต่อไร่ โดยการปลูกส่วนใหญ่จะใช้หน่อปลูกในช่วงฤดูฝน เมื่อครบรอบปีจะเก็บเกี่ยวผลผลิตปีละครั้ง โดยสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ประมาณ 3 ปีต่อเนื่อง ก่อนที่จะไถกลบปลูกใหม่ จึงเป็นสับปะรดที่สร้างรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่เป็นอย่างดี บางส่วนที่ผลผลิตสุกงอ ขายไม่ทัน จะการแปรรูปทำสับปะรดกวน หรืออบแห้ง รวมถึงทำขนมคุกกี้สับปะรด และทำน้ำสับปะร เพิ่มมูลค่า ส่วนราคาปีนี้ถือว่าราคาดี กิโลกรัมละ 15-20 บาท บางรายมีพื้นที่ปลูกจำนวนมาก สามารถทำเงินได้ปีละหลายแสนบาท ยอมรับช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบจากโควิด ทำให้สับปะรดล้นตลาด
ส่วนปีนี้เข้าสู่ภาวะปกติ ในอนาคตหากมีการขยายพื้นที่ปลูกไม่กังวลเรื่องราคา เนื่องจากสับปะรดท่าอุเทน เป็นที่ต้องการตลาดสูง เพราะเคยมีเกษตรกรนำไปลูกพื้นที่จังหวัดอื่น แต่การให้ผลผลิตและรสชาติแตกต่างจากผลผลิตที่ปลูกในพื้นที่ อ.ท่าอุเทน และ อ.โพนสวรรค์ น่าจะมาจากปัจจัยสภาพดิน รวมถึงสภาพอากาศ จึงไม่ห่วงการแย่งการตลาด ที่สำคัญถือว่าเป็นพืชการเกษตรที่ต้นทุนต่ำดูแลง่าย ปลูกกึ่งธรรมชาติ ใช้น้ำฝนเป็นหลัก เพราะจะเริ่มปลูกในช่วงฤดูฝน เมื่อต้นเริ่มแตกหน่อ เพียงดูแลเรื่องวัชพืชเล็กน้อย ไม่ต้องใช้น้ำมาก และไม่ค่อยมีปัญหาศัตรูพืช - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี