นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวในงานเสวนาหัวข้อ “อินทรีย์-เคมี โอกาสของไทย ภายใต้วิกฤตอาหารโลก” ที่โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค โดยมีนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นประธานเปิดงาน ว่า ภายใต้วิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ได้กระทบต่อห่วงโซ่การผลิตอาหารและราคาอาหารแพงขึ้น ทำให้โลกเผชิญปัญหาความไม่มั่นคงทางอาหาร ซึ่งเป็นโอกาสในวิกฤตของไทย ในฐานะที่เป็นประเทศผู้ผลิตสินค้าเกษตรชั้นนำของโลก และเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารอันดับ 12 ของโลกจากกว่า200 ประเทศ
ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์โอกาสแห่งอนาคต ได้กำหนดแนวทางในการพัฒนาภาคเกษตร ด้วย 5 เป้าหมาย ในการสร้างมิติใหม่จากครัวไทยสู่ครัวโลก ได้แก่ 1.เป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัยท็อปเทนของโลก 2.เพิ่มรายได้เกษตรกร เพิ่มรายได้ส่งออกอาหาร 2 ล้านล้าน ภายในปี 2030
3.ประเทศชั้นนำเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองและชนบท 4.ลดก๊าซเรือนกระจกแก้ปัญหาโลกร้อนตอบโจทย์ Climate Change และ 5.ร่วมสร้างความมั่นคงทางอาหาร ขจัดความอดอยากหิวโหยโดยมีนโยบายหลักๆ พอเป็นตัวอย่าง เช่น นโยบายประกันรายได้เกษตรกรสู่การเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืนด้วยการต่อยอดพัฒนาสู่เกษตรมูลค่าสูง,นโยบายส่งเสริมเกษตรปลอดภัย เกษตรมั่นคง และเกษตรยั่งยืน บนฐาน คุณภาพและมาตรฐานสินค้าเกษตร, นโยบายตลาดนำการผลิต และระบบการค้าที่เป็นธรรม หรือจะเป็นนโยบายส่งเสริมเทคโนโลยีเกษตรเพื่อลดต้นทุนเพิ่มผลิตภาพการผลิต เป็นต้น
สำหรับประเด็นเรื่องเกษตรเคมีและเกษตรอินทรีย์ จะขับเคลื่อนสนับสนุนส่งเสริมเกษตรปลอดภัยด้วย 3 แนวทาง ได้แก่ 1.เกษตรอินทรีย์ 2.เกษตรเคมี-อินทรีย์ 3.เกษตรเคมี ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย 4 กลุ่ม คือ 1.เกษตรรายย่อย 2.เกษตรพาณิชย์ 3.เกษตรอุตสาหกรรม และ 4.เกษตรส่งออก โดยจะส่งเสริมให้มีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจเกษตรหรือนิคมเกษตรอุตสาหกรรม เพื่อเป็นฐานการแปรรูปอาหารปลอดภัยใน 18 กลุ่มจังหวัด ตามศักยภาพของแต่ละพื้นที่เพื่อกระจายโอกาสการค้าการลงทุนและการจ้างงานทั่วประเทศ
“ประเทศไทยนำเข้าปุ๋ยเคมีที่เป็นธาตุอาหารของพืชเมื่อปีที่แล้วกว่า 5 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 100% ขณะที่มีการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพปีละ 2 ล้านตัน มีพื้นที่เกษตรอินทรีย์ 1.3 ล้านไร่ จากพื้นที่เกษตรทั้งประเทศ 149 ล้านไร่กลุ่มเกษตรอินทรีย์และกลุ่มเกษตรเคมีจึงควรหันหน้าร่วมมือกันให้มากขึ้น โดยยึดแนวทางเกษตรปลอดภัยสู่เกษตรมูลค่าสูงเป็นสำคัญด้วยมาตรการ GAP และเกษตรกรรมยั่งยืนโดยเฉพาะในภาวะขาดแคลนอาหารทั่วโลกถือเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจของไทยทางด้านการส่งออกสินค้าเกษตรในฐานะครัวโลก” นายอลงกรณ์กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี