1 สิงหาคม 2565 ร.ต.อ.บรรณ์ลัง เคนทอง รองสารวัตรสอบสวน ภ.บางจักร ได้รับแจ้งเหตุบ้านทรงไทยริมแม่น้ำน้อย เลขที่ 38 หมู่ 10 ตำบลบางจักร อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ได้พังถล่มลงมาทับเจ้าของบ้านเสียชีวิตอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงพร้อมด้วยแพทย์พยาบาลโรงพยาบาลวิเศษชัยชาญ และเจ้าหน้าที่อาสาป่อเต็กตึ้ง รุดไปที่เกิดเหตุ

พบบ้านทรงไทยอายุกว่า 100 ปี พังถล่มลงมา โครงหลังคาบ้านทรงไทยลงมากับพื้น และมีเสาบ้านที่เป็นไม้ทับอยู่ที่บริเวณหัว นางลิ้นจิ่ อายุ 88ปี นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่บนที่นอน มีข้าวของกระจัดกระจาย โดยมีชาวบ้านช่วยกันเก็บกระเบื้องหลังคาบ้านที่หล่นลงมากับพื้นออก พบที่นอนหมอนมุ้ง ข้าวของ ยาหม่อง และรูปภาพ กระจายไปทั่วพื้นบ้าน

จากการสอบถามนางสาวเอมอร ปิ่นวิเศษ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 กล่าวว่า ได้มีพระออกมาบิณฑบาตและพบเห็นความผิดปกติของบ้านยายลิ้นจี่ จึงได้ประสานไปยังผู้นำท้องถิ่นให้เข้ามาตรวจสอบ จึงพบว่ามีบ้านพังเสียหายและพบศพยายลิ้นจี่เสียชีวิตอยู่ในที่เกิดเหตุ คาดว่าผลพวงจากพายุฝนกระหน่ำเมื่อคืนที่ผ่านมาทำให้ได้รับความเสียหายและเกิดหลังคาพังถล่มลงมา

ทางด้านนางสาวภนิดา อายุ 25 ปี หลานสะใภ้ เล่าให้ฟังว่า ยายลิ้นจี่ พิการหูไม่ได้ยิน แต่ร่างกานแข็งแรงหุงข้าวปลาอาหารได้ อยู่ในบ้านหลังที่เกิดเหตุเพียงลำคนเดียว และเมื่อเช้ามีชาวบ้านได้บอกว่าบ้านพังจึงเข้ามาดูพบว่าเสาบ้านทับยายเสียชีวิตแล้ว

นายกลม  อายุ 85 ปี น้องชาย เล่าให้ฟังว่า นางลิ้นจี่พี่สาว อยู่บ้านหลังดังกล่าวเพียงคนเดียว ซึ่งบ้านนั้นมีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี ตั้งแต่รุ่นแม่รุ่นก๋งของตนเอง และตนเองก็จะมาหาพี่สาวแทบทุกวันนำข้าวปลาอาหารมาให้รับประทานและพูดคุยกัน ซึ่งร่างกานพี่สาวนั้นแข็งแรงดี แต่หูไม่ได้ยิน ที่บ้านพังถล่มลงมาคงเกิดจากความเก่าแก่ของบ้านที่ผุพังตามกาลเวลา และมีหลังคาเป็นกระเบื้องที่หนักและมีฝนฟ้าตกลงมาอย่างหนัก อาจเป็นสาเหตุให้บ้านพังเสียหาย

ทางด้านนายพินิจ ศรีโสภา หัวหน้าป่อเต็กตึ้ง จังหวัดอ่างทอง เล่าให้ฟังว่า หลังได้ประสานจากเจ้าหน้าที่ก็เข้าตรวจสอบ พบว่าบ้านพังถล่มลงมาและมีเสาบ้านเป็นไม้ขนาดใหญ่ทับบริเวณระหว่างคอและหัวของยายลิ้นจี่คาดว่าเป็นความเก่าแก่ของบ้านที่ผุพังทำให้พังถล่มลงมา ซึ่งทางญาติๆไม่ติดใจในการเสียชีวิต จึงได้นำร่างไปประกอบพิธีตามศาสนา ที่วัดไทรยึด ต่อไป