7 ส.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุสลด นายสุทัศ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ชาวบ้านตะแบง ต.หัวฝาย อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีอาชีพเป็นช่างเคาะพ่นสีและรับจ้างทั่วไป ได้ก่อเหตุใช้มีดพร้าสำหรับตัดอ้อยฟันกลางหน้าผาก น.ส.ลัดสะหมี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ภรรยาของตัวเองซึ่งเป็นชาวลาว จนเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่หน้าห้องน้ำภายในบ้าน ก่อนที่นายสุทัศ สามีที่ก่อเหตุจะใช้ผ้าขาวม้าผูกคอกับขื่อเสียชีวิตในห้องน้ำเพื่อหนีความผิด เหตุเกิดช่วงบ่ายวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา
หลังเกิดเหตุญาติได้นำศพ นายสุทัศ ไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดในหมู่บ้าน โดยญาติจะประกอบพิธีฌาปนกิจศพช่วงบ่ายวันนี้ ซึ่งบรรยากาศที่วัดก็เป็นไปด้วยความโศกเศร้าของครอบครัวเพราะไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุสลดดังกล่าวขึ้น และที่น่าหดหู่ใจคือ ลูกชายวัย 11 ขวบ ของผู้เสียชีวิตทั้งคู่ที่ต้องเจอกับเหตุการณ์สะเทือนใจและกลายเป็นกำพร้า ส่วน น.ส.ลัดสะหมี ภรรยาที่ถูกสามีฟันเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แคนดง ได้ส่งศพไปผ่าพิสูจน์ที่ รพ.บุรีรัมย์ตามขั้นตอน และได้ฝากทาง รพ.เก็บรักษาศพไว้ก่อน เพื่อรอญาติมาติดต่อขอรับศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิดยังสาธารณรัฐประชาชนลาวต่อไป
นายสวัสดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 69 ปี พ่อนายสุทัศ และเป็นปู่ของนางลัดสะหมี กล่าวว่า ทั้งคู่อยู่กินกันมาประมาณ 10 กว่าปีแล้ว เมื่อก่อนก็ไปทำงานเคาะพ่นสีและรับจ้างทั่วไปอยู่ที่กรุงเทพฯ เพิ่งจะกลับมาอยู่บ้านได้ประมาณ 2 ปีกว่า ซึ่งลูกชายและลูกสะใภ้ได้แยกไปอยู่บ้านตัวเองซึ่งอยู่คนละหลังกับพ่อแม่ ที่ผ่านมาไม่เคยรู้ว่าทั้งคู่มีปัญหาอะไรกันเพราะลูกชายก็ไม่ได้มาเล่าอะไรให้ฟัง ส่วนพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ไปยุ่งเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องในครอบครัวและโตๆกันแล้ว จึงไม่รู้ว่าทั้งคู่ทะเลาะอะไรกันถึงขั้นได้ก่อเหตุแบบนี้ ซึ่งวันเกิดเหตุตนได้ไปรับหลานออกมาจาก รพ. แล้วเวลาประมาณ 15.30 น. เห็นว่าใกล้เย็นแล้วก็ได้พาหลานไปส่งที่บ้าน พอไปถึงไม่เห็นพ่อแม่ของหลาน จึงจูงแขนหลานเดินอ้อมไปหลังบ้านก็แทบช็อกเมื่อเห็นลูกสะใภ้นอนจมกองเลือดอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำคาดว่าน่าจะเสียชีวิตแล้ว จึงรีบพาหลานออกมาเพราะตอนนั้นหลานตกใจมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและตอนนั้นยังไม่เห็นลูกชาย ก็ได้แจ้งผู้ใหญ่บ้านและแจ้งแจ้งตำรวจให้มาดูกระทั่งตำรวจไปตรวจสอบในบ้านพบว่าลูกสะใภ้น่าจะถูกมีดฟัน ก่อนจะไปพบผู้เป็นสามีใช้ผ้าขาวม้าผูกคอตายในห้องน้ำ เสียใจมากไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น คนที่น่าสงสารก็คือหลาน
สอบถามป้านัย อายุ 57 ปี เพื่อนบ้าน เล่าว่า ผู้หญิงเป็นชาวลาวนิสัยดีขยันทำมาหากินทำงานทุกอย่างไม่เคยเกี่ยง ส่วนสามีก็เป็นคนชอบดื่มและขี้หึงมาก เห็นเมียคุยกับใครที่เป็นผู้ชายก็จะระแวงทั้งที่ไม่ได้มีอะไรก็พูดคุยทักทายกันตามประสาคนในหมู่บ้าน ที่ผ่านมาทั้งคู่มีปากเสียงทะเลาะกันบ่อยส่วนมากก็จะเป็นเรื่องหึงหวง จนฝ่ายหญิงเคยหนีกลับไปบ้านที่ประเทศลาวหลายครั้งแต่สามีก็โทรไปง้อกลับมาอยู่ด้วยกันอีก
ล่าสุด ภรรยาไปนอนเฝ้าลูกซึ่งป่วยอยู่ที่ รพ.แคนดง แต่พอสามีเมาก็ระแวงหาว่าเมียตัวเองจะไปมีคนอื่นถึงขั้นตามไปด่าเมียที่ รพ.จนเมียอับอายก็มาเล่าให้ตนเองฟังและล่าสุดวันเกิดเหตุยังมาขออาศัยอยู่กับตนเอง บอกว่า ไม่อยากไปอยู่บ้านกับสามีเพราะชอบหาเรื่องทะเลาะตบตีก็ทนไม่ไหว โดยบอกว่าจะขออยู่ด้วยจนลูกเรียนจบ ป.6 แล้วก็จะกลับไปอยู่บ้านที่ลาว แต่พอช่วงบ่ายสามีก็มาตามบอกหิวข้าวให้เมียกลับบ้านตอนแรกเมียก็ไม่ไป จนสามีเดินมาตามอีกรอบที่สอง ตนจึงบอกให้กลับไปก่อนคงไม่มีอะไรหรอกจากนั้นฝ่ายหญิงก็เดินกลับไปพอไปถึงบ้านก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันดังลั่น แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งแต่ผ่านไปสักพักเสียงก็เงียบก็ไม่คาดคิดว่าเสียงที่เงียบไปนั้นฝ่ายหญิงถูกฆ่าเสียชีวิตแล้ว และมารู้ทีหลังว่าผู้เป็นสามีก็ผูกคอตายตามเพราะกลัวความผิด
ด้านป้าอี๊ด อายุ 65 ปี เพื่อนบ้านอีกคน บอกว่า เห็นทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อยวันหลังก็ดีกันก็คิดว่าเป็นเหมือนคู่ผัวเมียทั่วไปที่เหมือนลิ้นกับฟันทะเลาะกันแล้วก็ดีกัน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องหึงหวงเพราะผัวชอบระแวงว่าเมียไปมีผู้ชายอื่นทั้งเมียไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนั้น คงเมาหลอนคิดไปเองแล้วก็ชอบหาเรื่องทะเลาะตบตีเมีย ล่าสุดเมียไปนอนเฝ้าลูกป่วยที่ รพ.ก็ยังตามไปด่าถึง รพ.พอกลับมาบ้านก็มีปากเสียงกันต่ออีก ไม่คิดว่าสามีจะก่อเหตุฆ่าเมียตัวเอง ซึ่งหากสามีไม่ดื่มเหล้าจนคิดระแวงไปเองก็คงไม่เกิดเหตุสลดแบบนี้. -008
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี