พายุ‘มู่หลาน’ถล่ม
ท่วมหลายจังหวัดอีสาน-เหนือ
อุตุฯเตือนฝนตกหนักถึง 13 ส.ค.
นายกฯสั่งเร่งดูแลช่วยประชาชน
หางพายุ“มู่หลาน”ฝนตกหลายชั่วโมง ศรีสะเกษ น้ำท่วมถนน ขอนแก่นน้ำท่วมถนนหลายสาย พิจิตรฝนตกสะสมท่วมพื้นที่แล้ว 50 หลังคาเรือน เพชรบูรณ์อ่วมโรงเรียนหลายแห่งยังปิดต่อเนื่อง อุตุฯเตือนพายุโซนร้อน“มู่หลาน” กระทบเหนือ-อีสาน-ตะวันออก ฝนตกหนัก นายกฯสั่งดูแลปชช.ได้รับผลกระทบ
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ที่ จ.ศรีสะเกษ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดฝนตกหนักนานหลายชั่วโมง นับตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้พื้นที่ อ.กันทรลักษ์ มีน้ำท่วมถนนกันทรลักษ์-วารินชำราบ ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน ปตท.ใน ต.น้ำอ้อม อ.กันทรลักษ์ ระดับน้ำสูงประมาณ 60-80 เซนติเมตร จนรถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้
ศรีสะเกษมีฝนตกหนักร้อยละ80
ขณะที่สถานีอุตุนิยมวิทยาศรีสะเกษรายงานว่าร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย เข้าสู่พายุดีเปรสชั่นบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยบริเวณ จ.ศรีสะเกษ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 80 ของพื้นที่กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
ขอนแก่นน้ำท่วมถนนหลายสาย
ที่ จ.ขอนแก่น ภายหลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทั้งคืน ที่ผ่านมาทำให้น้ำระบายลงสู่คลองร่องช้า ถนนหลายสายถูกน้ำท่วมขังเช่นถนนมิตรภาพขาล่องมุ่งหน้า จ.อุดรธานี น้ำท่วมสูงประมาณ 30-40 เซนติเมตร ทำให้ต้องปิดการจราจรช่องคู่ขนานชั่วคราว ตั้งแต่ซอยสวัสดี ถึงหน้าตำรวจทางหลวงขอนแก่น ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ส่วนหมู่บ้านพิมานศิลป์ ชุมชนหนองแวง เขตเทศบาลนครขอนแก่น ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ น้ำได้ท่วมถนนตะวันใหม่สูงกว่า 60 เซนติเมตร เจ้าหน้าที่ต้องนำแผงเหล็กมากั้นไม่ให้รถสัญจรผ่าน และเตรียมนำเครื่องสูบน้ำระยะไกลช่วยสูบน้ำออกจากหมู่บ้าน
พิจิตรถูกน้ำท่วมแล้วกว่า50หลัง
ส่วนที่ จ.พิจิตร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดฝนตกสะสมจนปริมาณน้ำจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ได้หลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านวังกระทะ หมู่ 6 ต.วังงิ้ว อ.ดงเจริญ กว่า 50หลังคาเรือน ระดับน้ำสูง 50-60 เซนติเมตร รวมถึงวัดวังกะทะ ซึ่งน้ำท่วมสูงถึงบริเวณเมรุที่ใช้ฌาปนกิจศพ โดยน้ำท่วมฉับพลันจนชาวบ้านต่างไม่ทันตั้งตัว และต้องเร่งขนข้าวของและอพยพสัตว์เลี้ยงขึ้นที่สูง
เพชรบูรณ์ปิดรร.บางแห่งต่อเนื่อง
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ระดับน้ำยังคงทรงตัว หลังจากคืนที่ผ่านมา ยังมีฝนตกและมีน้ำจาก อ.หล่มเก่า ไหลมาสมทบ โดยเฉพาะถนนหล่มสัก–บ้านติ้ว น้ำท่วมสูงประมาณ 30-50 เซนติเมตร ทำให้การสัญจรเป็นไปด้วยความยากลำบาก ขณะที่โรงเรียนบางแห่งต้องปิดการเรียนการสอนต่อเนื่อง ส่วนโรงเรียนที่ยังเปิดสอนก็ต้องให้ครูมาคอยรับนักเรียนบนถนนเพื่อเดินเข้าโรงเรียน
เตือนพายุ‘มูหล่าน’ถล่มถึง13ส.ค.
ด้านน.ส.ชมภารี ชมพูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ ฉบับที่ 5ระบุว่าพายุโซนร้อน ‘มู่หลาน’บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 570 กิโลเมตร ทางตะวันออกของเมืองฮานอย ประเทศเวียดนามตอนบนมีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศเตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วประมาณ15กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำและเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนในวันที่11 สิงหาคมนี้มีผลกระทบกับประเทศไทย ช่วงวันที่ 11-13 สิงหาคมนี้
‘เหนือ/อีสาน/ตะวันออก’ฝนชุก
ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และประเทศลาวตอนบน ส่งผลทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ทำให้คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ส่วนบริเวณทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
นายกฯกำชับเร่งดูแลประชาชน
วันเดียวกัน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมได้ติดตามการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของหน่วยงานต่างๆอย่างใกล้ชิดซึ่งมีการรายงานให้ทราบทั้งในส่วนของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหมและกระทรวงคมนาคมโดยนายกรัฐมนตรีกำชับทุกหน่วยงานเรื่องการดูแลให้ความช่วยเหลือ ให้เตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์ และกำลังคนให้พร้อมตลอดเวลา ขณะเดียวกัน หน่วยงานที่ดูแลเรื่องการบริหารจัดการน้ำ การพร่องน้ำจากแหล่งเก็บกักน้ำทั้งเขื่อน อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ขอให้ดำเนินการด้วยความระมัดระวังควบคู่กับความมั่นคงของแหล่งเก็บกักน้ำ ความปลอดภัยของบ้านเรือน ทรัพย์สิน และผลกระทบต่อพื้นที่เพาะปลูก เนื่องจากยังอยู่ในช่วงฤดูฝน
“เนื่องจากประเทศไทยจะยังอยู่ในฤดูฝนและกรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนการเกิดพายุอยู่เป็นระยะ นายกรัฐมนตรีห่วงใยผลกระทบที่จะเกิดต่อประชาชน ทั้งอันตรายต่อชีวิตทรัพย์สินและต่อพื้นที่การเพาะปลูก จึงกำชับขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการประสานการทำงานเพื่อให้สามารถเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพลดผลกระทบและเกิดความเสียหายน้อยที่สุด”น.ส.ไตรศุลี กล่าว
‘บิ๊กป้อม’สั่งรับมือสถานการณ์น้ำ
อีกด้านหนึ่ง พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการ สทนช.และฝ่ายปกครอง ประสานกรมชลประทาน และ กทม.ติดตามสภาพอากาศและเตรียมรับมือกับปัจจัยเสี่ยงสถานการณ์น้ำจากฝนตกหนักต่อเนื่องและสะสมจากมรสุมพาดผ่าน โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ประกอบกับการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา และน้ำทะเลหนุนสูง ช่วงวันที่ 10-16 สิงหาคมนี้ ซึ่งส่งผลให้ระดับน้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นสูง ชุมชนนอกแนวกั้นน้ำและคันคลอง ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะพื้นที่ กทม. จ.สมุทรปราการ และนนทบุรี
ส่งทหาร-ตร.จิตอาสาช่วยเหลือ
ทั้งนี้ รองนายกฯยังได้กำชับให้ประสานการทำงานร่วมกับทหาร ตำรวจ จิตอาสาหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในแต่ละพื้นที่ รับมือตามแผนบรรเทาภัยพิบัติที่จัดเตรียมไว้ในแต่ละพื้นที่ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และแจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้า โดยให้ความสำคัญกับการเฝ้าระวังแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 6แห่ง และการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำสายหลัก คลองส่งน้ำและประตูระบายน้ำ รวมทั้งเสริมแนวกั้นน้ำและตลิ่ง เตรียมเครื่องสูบน้ำและเครื่องจักร เปิดทางน้ำท่วมขังลงทางน้ำสายหลักและสายรองให้ทันสถานการณ์ พร้อมทั้งเร่งกระจายการให้ความช่วยเหลือประชาชนในจังหวัดที่ประสบปัญหาอุทกภัย เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือนร้อนของประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมขัง
กรมชลฯปรับระบายน้ำเขื่อนปาสักฯ
ด้านนายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่าได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี จากอัตรา 80.72 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที เป็นอัตรา 120.49 ลบ.ม./วินาทีเพื่อควบคุมระดับน้ำและปริมาณน้ำของเขื่อนให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมโดยอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักฯปัจจุบันมีน้ำ 409.10 ล้านลบ.ม.คิดเป็น42.61%ของความจุ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากฝนตกหนักมากทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกจากอิทธิพล พายุโซนร้อนมู่หลานโดยการปรับเพิ่มอัตราการระบายจะทำให้อัตราการระบายเพิ่มขึ้นจาก 6.97 ลบ.ม.เป็น 10.41 ล้าน ลบ.ม.ขณะที่ปริมาณน้ำไหลลงอ่างอยู่ที่ 127.4 ลบ.ม./วินาทีหรือ11ล้าน ลบ.ม./วัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี