วันที่ 15 สิงหาคม 2565 นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชหารกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังประชุมคณะผู้บริหาร ซึ่งมีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุม ถึงความคืบหน้า โครงการนำสายสื่อสารลงใต้ดิน ว่า โครงการดังกล่าว กทม. ได้มอบหมายให้บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) ไปดำเนินการจัดระเบียบปรับปรุงทัศนียภาพของเมืองให้สะอาด ไม่มีสายโทรศัพท์รกรุงรัง ตั้งแต่ปี 2561 เพื่อให้สอดคล้องกับมติที่ประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 11 ต.ค.61 โดยกทม. ต้องลงทุนพัฒนาระบบท่อร้อยสายระบบสาธารณูปโภคใต้ดิน วงเงิน 1.9 หมื่นล้านบาท เพื่อนำสายสื่อสารลงใต้ดินทั่วเขตพื้นที่กรุงเทพฯ
ปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดิน นำร่องเสร็จแล้ว เป็นระยะทาง 7.2 กม. วงเงิน 140 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. ถนนวิทยุ (ถนนเพชรบุรี – แยกเพลินจิต – หน้าซอยร่มฤดี) 2. ถนนรัชดาภิเษก (MRT ศูนย์วัฒนธรรมประตู 2 – หน้าซอยรัชดาภิเษก 7) 3. ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ (ถนนสาทรเหนือ/ใต้ – ซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 10) ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างท่อร้อยสายสื่อสารในแนวถนนพระรามที่ 1 จากแยกปทุมวันถึงแยกราชประสงค์ ระยะทางประมาณ 1 กม. พร้อมกับการปรับปรุงทางเท้า แต่ปัจจุบันมีปัญหาเรื่องการหารายได้ เพราะยังไม่มีผู้เช่าท่อร้อยสาย เนื่องจากอัตราค่าเช่าสูงเกินไป ดังนั้นจึงสั่งให้เคที ชะลอโครงการดังกล่าวก่อน และมีแนวโน้มว่าจะยุติโครงการทั้งหมด เนื่องจากเคที ไม่มีรายได้เพียงพอที่จะดำเนินการ ขณะเดียวกันโครงการดังกล่าวยังมีเส้นทางทับซ้อนกับแนวท่อสายสื่อสารเดิมของ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (เอ็นที) หากเคที ดำเนินการต่อไป จะเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ต้องได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกสทช.
นอกจากนี้ที่ประชุมได้มีการรายงานแผนการนำสายสื่อสารลงใต้ดิน ปัจจุบันเส้นทางที่การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) นำสายไฟลงดิน เสร็จแล้ว 62 กิโลเมตร (กม.) กำลังก่อสร้าง 174.1 กม. รวมแล้วจะนำสายไฟฟ้าลงดินในพื้นที่กรุงเทพฯ ระยะทาง 236.1 กม. โดยในปี 2565 คาดว่าจะรื้อถอนเสาและสายไฟฟ้า ได้ระยะทาง 12 กม. นอกจากนี้ยังมีแผนที่อยู่ระหว่างนำเสนอขออนุมัติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีก 77.3 กม. ซึ่งแผนดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2570 เมื่อนำสายไฟฟ้าลงดินแล้ว กฟน.จะรื้อถอนเสาไฟฟ้าออก
ส่วนแผนการนำสายสื่อสารลงใต้ดิน ของสํานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ตามโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศ เป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ของ กฟน. และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งแผนดำเนินการปี 2565 มี 6 กลุ่ม ซึ่งเป็นแผนของปี 2563-2564 ที่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ดังนี้ 1.เส้นทางที่ไม่สามารถนำสายลงใต้ดินของกฟน.ในปี 2564 ระยะทาง 22 กม. 2.โครงการรักษ์คลองคูเมืองเดิมเฉลิมพระเกียรติฯ ระยะทาง 3 กม. 3.แผนการนำสายสื่อสารลงใต้ดินปี 2563 ตามนโยบาย กสทช. ระยะทาง 49 กม. 4.แผนงานเปลี่ยนระบบสายอากาศเป็นสายใต้ดิน เพื่อรองรับการเป็นมหานครอาเซียน ระยะทาง 17 กม. 5.โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ของกทม.ระยะทาง 1 กม. และ 6.แผนงานรื้อย้ายสาธารณูปโภคที่กีดขวางแนวโครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน ระยะทาง 6 กม.คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี65 ระยะทาง 12 กม. ตามแผนของกฟน. ทั้งนี้แผนการจัดระเบียบสายสื่อสารของสำนักงาน กสทช. ในพื้นที่ของกฟน. กลุ่มเร่งด่วน ระยะทางรวม 400 กม. แบ่งเป็น 2 กลุ่มย่อย กลุ่มย่อยแรก 39 เส้นทาง ระยะทาง 104.83 กม. กลุ่มย่อยที่สอง 169 เส้นทาง ระยะทาง 306.46 กม. และยังมีนอกเหนือจากกลุ่มเร่งด่วนอีก 38 เส้นทาง ระยะทาง 346.59 กม.
ขณะที่ กทม. มีเป้าหมายจัดระเบียบสายสื่อสารเช่นกัน โดยได้ดำเนินการตามแผนของการจัดระเบียบสายสื่อสาร กลุ่มเร่งด่วน ของสำนักงาน กสทช. ระยะทาง 400 กม. และเส้นทางที่สำนักงานเขต ต้องการจัดระเบียบ ระยะทาง 600 กม. โดยให้สำนักงานเขตไปสำรวจพื้นที่ที่มีความพร้อม รายงานให้สำนักการโยธา เพื่อดำเนินการจัดระเบียบให้แล้วเสร็จ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี