"อลงกรณ์"เผย กรกอ.เดินหน้า 10 โครงการ เร่งจัดตั้งเขตส่งเสริมเกษตรอุตสาหกรรม 18 กลุ่มจังหวัด กระจายการลงทุนกระจายโอกาสสร้างฐานเศรษฐกิจใหม่ ชูระเบียงเศรษฐกิจ 5 ภาคทั่วประเทศ พร้อมชงชงโครงการ"เพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์" ภายใต้แผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันตกตุลาคมนี้
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2565 นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กรกอ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กรกอ.) ครั้งที่ 3/2565 ผ่านระบบประชุมทางไกล Zoom Meeting ว่า ที่ประชุมได้รับทราบ การขับเคลื่อนสาหร่ายพืชเศรษฐกิจใหม่ตามนโยบายอาหารแห่งอนาคต (Future Food Policy) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยส่งเสริมสาหร่ายทะเล (Seaweed) และสาหร่ายตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์การแปรรูปและการตลาด มีกรมประมงเป็นหน่วยงานหลักดำเนินการ ได้มีการจัดทำแผนพัฒนาและแผนกลยุทธ์เป็นการพัฒนาการผลิตในระดับท้องถิ่นให้เป็นผลผลิตและผลิตภัณฑ์ชุมชน (Community based product) มุ่งเน้นการผลิตสาหร่ายทะเลและสาหร่ายน้ำจืดเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ด้านเป็นอาหารคน อาหารสัตว์ อาหารเสริม เวชภัณฑ์ เครื่อง สำอางค์ และน้ำมันชีวภาพซึ่งในส่วนของกระทรวงเกษตรฯโดยศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งและศูนย์เพาะเลี้ยงน้ำจืด เร่งเดินหน้าในการรวบรวมพันธุ์ การเพาะเลี้ยงและการเผยแพร่พันธ์ุ
ซึ่งจะดำเนินการในพื้นที่ 50 จังหวัด แบ่งเป็น 22 จังหวัดชายฝั่งทะเล และ 28 จังหวัดบนบก มีองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นกว่า 2,600 แห่ง เป็นหนึ่งในเครือข่ายการขับเคลื่อนรวมทั้งการส่งเสริมในระดับอุตสาหกรรม ภายใต้ความร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มูลนิธิเวิลด์วิว อินเตอร์เนชั่นแนล (Worldview International Foundation) มูลนิธิเวิลด์วิว ไครเมต (Worldview Climate Foundation) และศูนย์ AIC ร่วมดำเนินการเช่นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยสงขลานัครินทร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี มหาวิทยาลัยนเรศวร และยังมีโครงการพัฒนาสาหร่ายของศูนย์ความเป็นเลิศ ALEC ของ "วว." และบริษัทเอกชน เช่น ปตท.และบางจาก กำลังวิจัยและพัฒนาต่อยอดสาหร่ายพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่ประเทศไทยมีศักยภาพสูงมากในการผลิตสาหร่าย เพื่อใช้ในประเทศและทดแทนการนำเข้า ปัจจุบันมีการผลิตสาหร่ายทั่วโลกปีละกว่า 35 ล้านตัน เป็นมูลค่ากว่า 5 แสนล้าน จึงเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ และอาชีพใหม่ของไทย ซึ่งคิดออฟโครงการสาหร่ายทะเล ที่ อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เป็นจังหวัดแรก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากนั้น ที่ประชุมยังรับทราบผลการประชุมหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในวาระที่ประธาน กรกอ.และคณะกระทรวงเกษตรฯ ไปแสดงความยินดีกับ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการบริหา รสอท.ชุดใหม่ โดยมีมติเห็นพ้องต้องกันใน 10 โครงการของ กรกอ.ได้แก่ 1.โครงการพัฒนาแบรนด์สินค้าเกษตร (The Brand Project) สู่เกษตรมูลค่าสูง 2.โครงการอาหารแห่งอนาคต (Future Food) 3.โครงการส่งเสริมการลงทุนเทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม Made In Thailand 4.โครงการส่งเสริมสตาร์ทอัพเกษตร และ SME เกษตร 5.โครงการความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรระหว่าง สวก. AIC และสถาบันอุตสาหกรรมเพื่อการเกษตร ของ ส.อ.ท. 6.โครงการมหานครผลไม้และการพัฒนาอุตสาหกรรมผลไม้ และโครงการ Eastern Thailand Food Valley 7.โครงการส่งเสริมการลงทุนและพัฒนาสินค้าเกษตรและอาหารมาตรฐานฮาลาล 8.โครงการ Smart Agriculture Industry (SAI in the City) 9.โครงการสนับสนุนการจำหน่ายและบริโภคผลไม้ในฤดูกาลผลิตผลไม้ปี 2565 10.การฟื้นฟูและพัฒนาอุตสาหกรรมกุ้ง สินค้าประมงและปศุสัตว์ รวมทั้งระบบความเย็น (Cold Chain system)
ขณะเดียวกันที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารได้แก่ แนวทางและมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารในกลุ่มจังหวัดนำร่อง โดยคณะอนุกรรมการฯ ได้แจ้งให้ทราบว่าบีโอไอ (BOI) ได้อนุมัติเพิ่มมาตรการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมเกษตรแล้ว ซึ่งการจัดตั้งเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารของ 18 กลุ่มจังหวัด สามารถดำเนินได้ทันทีตามมาตรการใหม่ของบีโอไอ.โดยขอให้คำนึงถึงความพร้อมใน 3 ประเด็นหลัก คือ พื้นที่ ผู้ประกอบการ และสินค้าเกษตรที่เป็นวัตถุดิบเป้าหมาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการจัดตั้งเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร
การประชุมครั้งนี้ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กรกอ.ภาค) ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ในการจัดทำแผนพัฒนาสินค้าเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารปี 2566 - 2570 ตามศักยภาพแบบครบวงจรให้แล้วเสร็จภายในกันยายนปีนี้เพื่อประกาศแผน พร้อมกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13
โดยที่ประชุมได้ให้ข้อแนะนำในการจัดทำแผนพัฒนา และประเด็นที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อาทิเรื่องระบบโลจิสติกส์ (Logistics) เข้ามาสร้างโอกาสใหม่ๆ โดยให้ 18 กลุ่มจังหวัด ร่วมกับ กรกอ.และ BOI ดำเนินการร่วมกัน ซึ่งถ้าสามารถบริหาร Logistic ได้ ก็จะสามารถลดต้นทุนได้ เช่น อีสานเกตเวย์มีรถไฟจีน - ลาว เป็นเส้นทางขนส่งระหว่างประเทศ เวสเทิร์นเกตเวย์หรือประตูตะวันตก มีกาญจนบุรี - ทวาย เป็นประตูตะวันตก หรือประตูเหนือ มี จ.เชียงราย ใช้เส้นทาง R3A เป็นโลจิสติกส์ลิงก์ (Logistics Link) เป็นตัวอย่างพร้อมทั้งกล่าวถึงการจัดตั้งเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร ที่แต่ละภาคไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน ต้อง customize สินค้าเกษตรอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในพื้นที่ต่อยอด โดยใช้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิตเป็นเข็มทิศเพื่อเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่มากพอที่จะสร้างฐานอุตสาหกรรมเกษตรยกระดับสู่เกษตรมูลค่าสูง โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูป เน้นการบริหารจัดการร่วมกันซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่อไป
นายอลงกรณ์ บอกด้วยว่า โครงการ Eastern Thailand Food Valley : ETEV ภายใต้ EEC ซึ่งคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ร่วมในการสนับสนุนนั้น ตนและคณะรวมทั้ง กรกอ.ภาคตะวันออก จะลงพื้นที่ภาคตะวันออเดือนหน้า เพื่อเร่งจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการผลไม้ครบวงจรที่ จ.จันทบุรี ด้วยโดยการประชุม กรกอ.ครั้งหน้าจะเสนอโครงการ "เพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์" (Petchburi Food Valley) ภายใต้เกตเวย์ตะวันตกและระเบียงเศรษฐกิจตะวันตก (Western Economic Corridor) เป็นโครงการพัฒนาตั้งแต่การผลิตพืช ประมง และปศุสัตว์ การแปรรูปขั้นต้น การใช้เกษตรอัจฉริยะสมาร์ทฟาร์มมิ่งก์ การใข้เครื่องจักรกลการเกษตรที่ทันสมัย การพัฒนาศูนย์วิจัยเพื่อการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้เกษตรกร เป็นหนึ่งใน "เพชรบุรีโมเดล" ดำเนินการโดยภาคเอกชน ภายใต้การสนับสนุนของ กรกอ.และศูนย์ AIC ด้วย
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี