อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง 3 ฆาตกร ฆ่าโหดสองผัวเมียที่ไต้หวัน
9 กันยายน 2565 นายจุมพล พันธุ์สัมฤทธิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานต่างประเทศ , นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด , นายกฤษณ์ ภู่ประดิยุทธกุล อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานคดีอัยการสูงสุด และนายวีรเดชน์ ไตรทศาวิทย์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานต่างประเทศพนักงานอัยการเจ้าของสำนวน ร่วมกันแถลงข่าวคดีฆ่าโหดสองสามีภรรยาชาวไทยที่ไต้หวัน ว่า คดีดังกล่าวนายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อัยการสูงสุด (อสส.) มีคำสั่งฟ้องนายสันติ อายุ 35 ปี , นายธนวัฒน์ อายุ 42 ปี และนายสามารถ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 , 289 (4), 83ประกอบพ.ร.บ.ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. 2535 มาตรา 4, 6, 41 โดยนางสาวรัตนา เล็กสมบูรณ์ไชย อัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 6 หัวหน้าพนักงานอัยการผู้ได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุด ให้รับผิดชอบดำเนินคดีนี้ได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดต่อศาลอาญาแล้วในวันที่ 9 ก.ย.นี้
คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2565 เวลาประมาณ 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นที่ไต้หวัน) เจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวันได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบศพชายและหญิงเสียชีวิตอยู่ในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูซึ่งจอดอยู่ที่ลานจอดรถของสถานีรถไฟความเร็วสูงเถาหยวนชานกรุงไทเป จึงเข้าไปตรวจสอบพบศพชายไทยทราบชื่อภายหลังว่านายประเสริฐ โนราษ อายุ 33 ปี และหญิงไทย ทราบชื่อภายหลังว่า น.ส.พจนีย์ แซ่หลี่ อายุ 35 ปี ภรรยา ซึ่งตั้งครรภ์ลูกแฝด 5 เดือน นอนเสียชีวิตอยู่ในรถยนต์มีสภาพบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งอันเป็นคดีสะเทือนขวัญคดีหนึ่งในไต้หวัน
จากการสืบสวนสอบสวนเชื่อได้ว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 ได้ร่วมกันฆ่าผู้ตายทั้งสองที่สถานที่ทำงานของผู้ต้องหา แล้วได้เคลื่อนย้ายศพของผู้ตายทั้งสองใส่รถยนต์แล้วนำไปจอดทิ้งไว้ที่บริเวณลานจอดรถไฟความเร็วสูงดังกล่าว หลังก่อเหตุผู้ต้องหาทั้งสามได้หลบหนีกลับมายังประเทศไทย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ทางการไต้หวันขอความร่วมมือระหว่างประเทศในการสอบสวนคดีมายังสำนักงานอัยการสูงสุด และบิดาของผู้ตายทั้งสองได้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสามตามกฎหมายไทย และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งสามได้ในประเทศไทย
ทั้งนี้ เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีความผิดตามกฎหมายไทยได้กระทำลงนอกราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อัยการสูงสุด จึงเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบและได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ทำการสอบสวน โดยให้พนักงานอัยการ สำนักงานการสอบสวน และพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ เข้าร่วมทำการสอบสวนกับพนักงานสอบสวนดังกล่าวด้วย
ในการสอบสวนคดีนี้ พนักงานอัยการที่ได้รับมอบหมายได้เข้ามีส่วนร่วมการสอบสวนคดีโดยตลอดโดยได้มีการประชุมตรวจพยานหลักฐานและวางรูปคดี ซึ่งรวมถึงการประชุมสรุปคดีเพื่อการมีความเห็นทางคดีในขั้นสุดท้าย เนื่องจากเหตุในคดีนี้เกิดขึ้นที่ไต้หวัน พยานหลักฐานสำคัญในคดีทั้งหมดอยู่ที่ไต้หวัน
สำนักงานอัยการสูงสุดโดยสำนักงานต่างประเทศ ได้ขอความช่วยเหลือจากทางการไต้หวันในการรวบรวมพยานหลักฐานตามหลักความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา และพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการบางส่วนได้เดินทางไปไต้หวันเพื่อขอตรวจสอบสถานที่ก่อเหตุ สถานที่ทิ้งทำลายพยานหลักฐาน และพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในคดี รวมทั้งรับมอบพยานหลักฐานในคดีนี้จากทางการไต้หวัน
ความร่วมมือระหว่างประเทศในครั้งนี้ถือเป็นการร่วมมือกันระหว่างพนักงานอัยการและพนักงานสอบสวนในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และทางการไต้หวันได้ส่งมอบพยานหลักฐานที่สำคัญทั้งหมดให้แก่พนักงานอัยการและพนักงานสอบสวนไทย จนทำให้การพิจารณาสั่งคดีมีพยานหลักฐานเพียงพอที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสามในคดีนี้ตามข้อหาที่ได้กล่าวมาข้างต้น
ทั้งนี้ความสำเร็จของร่วมมือระหว่างประเทศในการรวบรวมพยานหลักฐานคดีนี้ สำนักงานอัยการสูงสุดได้รับความร่วมมืออย่างดีจากสำนักงานอัยการเมืองเถาหยวน สำนักงานอัยการสูงสุดไต้หวัน กระทรวงยุติธรรมไต้หวันและสำนักงานการสอบสวนไต้หวัน (Criminal Investigation Bureau) ซึ่งต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
ต่อมาพนักงานอัยการคดีอาญา ได้ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสันติ กับพวกรวม 3 คน เป็น จำเลยต่อศาลอาญาคดีหมายเลขดำ อ.2270/2565 โดยศาลจะเบิกตัวจำเลยทั้งสามจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เพื่อสอบคำให้การ วันที่ 12 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี